พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานฝ่ายตรงข้าม และขอบเขตการพิพากษาเกินคำขอ
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากที่คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนสืบไปหมดแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นต้องแสดงเหตุผลอันสมควรที่ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อ ประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด เมื่อคำร้องของจำเลยที่ 2ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้วมิได้แสดงเหตุผลดังกล่าวเพียงแต่อ้างว่าพลั้งเผลอเท่านั้น ศาลสั่งไม่อนุญาตจึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินเป็นของตนทั้งหมดจากจำเลย แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของ ค่าจ้างรายข้อหา ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม หากตกลงราคาก่อน
จำเลยจ้างโจทก์ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมรายละเอียดและหลักฐานเกี่ยวแก่ที่ดินของจำเลยที่ถูกบุกรุกและจ้างโจทก์ดำเนินการเกี่ยวแก่การแจ้งความหรือร้องทุกข์ที่ดินแปลงเดียวกันนี้ โดยยอมให้ค่าจ้างเป็นรายข้อหา สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของและตามข้อสัญญาก็มิได้เป็นช่องทางให้โจทก์ดำเนินการแจ้งความหรือร้องทุกข์ได้หลายข้อหาเพื่อหวังจะได้ค่าจ้างมากขึ้นตามข้อหาเหล่านั้น เพราะการจะแจ้งความหรือร้องทุกข์กี่ข้อหากี่คดีย่อมแล้วแต่ความประสงค์ของจำเลยผู้ว่าจ้างจะลงชื่อร้องทุกข์แจ้งความในข้อหาใดหรือไม่ ซึ่งโจทก์กำหนดราคาค่าจ้างให้จำเลยทราบก่อนแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาส่งเสริมให้จำเลยเป็นความกับบุคคลอื่น ไม่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของเพื่อแจ้งความ/ร้องทุกข์ ค่าจ้างรายข้อหาไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย/ศีลธรรม
จำเลยจ้างโจทก์ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมรายละเอียดและหลักฐานเกี่ยวแก่ที่ดินของจำเลยที่ถูกบุกรุกและจ้างโจทก์ดำเนินการเกี่ยวแก่การแจ้งความหรือร้องทุกข์ที่ดินแปลงเดียวกันนี้ โดยยอมให้ค่าจ้างเป็นรายข้อหา สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของและตามข้อสัญญาก็มิได้เป็นช่องทางให้โจทก์ดำเนินการแจ้งความหรือร้องทุกข์ได้หลายข้อหาเพื่อหวังจะได้ค่าจ้างมากขึ้นตามข้อหาเหล่านั้น เพราะการจะแจ้งความหรือร้องทุกข์กี่ข้อหากี่คดีย่อมแล้วแต่ความประสงค์ของจำเลย ผู้ว่าจ้างจะลงชื่อร้องทุกข์แจ้งความในข้อหาใดหรือไม่ ซึ่งโจทก์กำหนดราคาค่าจ้างให้จำเลยทราบก่อนแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาส่งเสริมให้จำเลยเป็นความกับบุคคลอื่น ไม่ขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขัดขวางการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จำเลยไม่ต้องตอบรับข้อเสนอทำความตกลง
โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่ยอมรับจดทะเบียนให้ โดยอ้างว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนหรือเกือบเหมือนเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งขอจดทะเบียนไว้ก่อน โจทก์ก็มิได้ดำเนินการอย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ประการใด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกจำเลยไปทำความตกลงเพราะจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ก่อนโจทก์ และตามคำฟ้องโจทก์ก็ยอมรับว่าเครื่องหมายการค้าที่โจทก์จำเลยขอจดทะเบียนไม่เหมือนหรือเกือบเหมือนกันที่จำเลยเพิกเฉยเสียไม่มาทำความตกลงกับโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มีอำนาจฟ้องในคดีเครื่องหมายการค้าเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิ และเครื่องหมายการค้าไม่เหมือนกัน
โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่ยอมรับจดทะเบียนให้ โดยอ้างว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนหรือเกือบเหมือนเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งขอจดทะเบียนไว้ก่อน โจทก์ก็มิได้ดำเนินการอย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ประการใด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกจำเลยไปทำความตกลงเพราะจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ก่อนโจทก์ และตามคำฟ้องโจทก์ก็ยอมรับว่าเครื่องหมายการค้าที่โจทก์จำเลยขอจดทะเบียนไม่เหมือนหรือเกือบเหมือนกันที่จำเลยเพิกเฉยเสียไม่มาทำความตกลงกับโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและการเรียกร้องเบี้ยปรับ การพิสูจน์ความสัมพันธ์ของคู่สัญญาและอำนาจฟ้อง
โจทก์กับ ส. ผู้ลงนามแทนโจทก์ในสัญญาท้ายฟ้อง มีนิติสัมพันธ์ต่อกันอย่างไรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร เป็นข้อเท็จจริงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในทางพิจารณา ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เมื่อฟังว่า โจทก์โดย ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลย จำเลยผิดสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และได้มีการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับตามสัญญาได้
เมื่อฟังว่า โจทก์โดย ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลย จำเลยผิดสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และได้มีการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม, อำนาจฟ้อง, เบี้ยปรับสัญญา, ความผิดสัญญา, การกำหนดค่าเสียหาย
โจทก์กับ ส. ผู้ลงนามแทนโจทก์ในสัญญาท้ายฟ้องมีนิติสัมพันธ์ต่อกันอย่างไรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร เป็นข้อเท็จจริงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในทางพิจารณา ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เมื่อฟังว่า โจทก์โดย ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลย จำเลยผิดสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และได้มีการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญาโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับตามสัญญาได้
เมื่อฟังว่า โจทก์โดย ส. เป็นคู่สัญญากับจำเลย จำเลยผิดสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และได้มีการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในสัญญาโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองโดยอาศัยสิทธิเจ้าของไม่ทำให้เกิดสิทธิในที่ดิน แม้จะครอบครองเป็นเวลานาน
โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท แต่ไปรับราชการอยู่ที่อื่นจึงให้ ล. พี่เขยดูแลแทน ล. ให้จำเลยซึ่งเป็นหลานของโจทก์อาศัย จำเลยได้เข้ากรีดยางและปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทซึ่งเป็นการอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้แบ่งรายได้จากการกรีดยางให้โจทก์หรือ ล. ตามที่ ได้ตกลงไว้กับ ล. และโจทก์มิได้เข้มงวดต่อจำเลยในเรื่องนี้ก็หาพอที่จะฟังว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิโจทก์จำเลยจะอยู่มานานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดในวันนัด: ศาลอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไป ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัด: เหตุสมควรให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไปถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่