พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาลในคดีเช็ค: สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นสถานที่เกิดความผิด
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ฉะนั้น สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นสถานที่ความผิดเกิดขึ้น ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้น มิใช่ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเป็นแต่เพียงตัวแทนโจทก์ไปเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นเท่านั้น ดังนี้ เมื่อธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ความผิดคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่มีอำนาจที่จะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ความผิดเกิดขึ้น ณ สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเช็ค ไม่ใช่ที่ธนาคารรับฝาก
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ฉะนั้น สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นสถานที่ความผิดเกิดขึ้น ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้น มิใช่ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเป็นแต่เพียงตัวแทนโจทก์ไปเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นเท่านั้น ดังนี้ เมื่อธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ความผิดคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่มีอำนาจที่จะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิของผู้รับประกันภัยและการรับผิดของตัวแทนต่างประเทศ
แม้โจทก์ผู้รับประกันภัยมีสิทธิรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศโดยมีจำเลยเป็นตัวแทนอยู่ในประเทศไทย โจทก์ก็จะขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้ทำสัญญาแทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 824
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดของตัวแทน: ผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยไม่ได้หากตัวแทนไม่ได้ทำสัญญาแทนตัวการ
แม้โจทก์ผู้รับประกันภัยมีสิทธิรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศโดยมีจำเลยเป็นตัวแทนอยู่ในประเทศไทย โจทก์ก็จะขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้ทำสัญญาแทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 824
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดินด้วยใบมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าของที่ดินต้องรับผิดแม้มีการปลอมแปลง
เจ้าของที่ดินพิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความ เพื่อให้ผู้รับมอบอำนาจนำไปวางเป็นประกันการค้าไม้ซุง แต่ผู้รับมอบอำนาจกับพวกกลับนำไปกรอกข้อความให้มีอำนาจทำการจำนองแทนเจ้าของที่ดิน เมื่อผู้รับจำนองได้รับจำนองไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเจ้าของที่ดินจะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นเหตุให้พ้นความรับผิดหาได้ไม่ แม้ว่าผู้รับมอบอำนาจกับพวกจะถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมก็ตามเจ้าของที่ดินก็ต้องรับผิดชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า ‘เครื่องหมาย’ ในป้ายโฆษณาตาม พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ภาพประกอบถือเป็นเครื่องหมาย ทำให้ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้ายพ.ศ. 2510 ป้ายอาจแสดงด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือว่าเป็นป้าย ดังนั้นป้ายที่มีอักษรไทยล้วนตามบัญชีอัตราภาษีป้าย ประเภท (1) ย่อมหมายถึงป้ายที่ไม่มีสิ่งอื่นใดเลยนอกจากอักษรไทย
คำว่าเครื่องหมาย นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นแสดงความหมายป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่มีอักษรไทย ภาพดาราภาพยนตร์ ภาพสัตว์และภาพวัตถุอื่น ๆ จึงเป็นป้ายที่มีอักษรไทยปนกับเครื่องหมายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายประเภท (2)
คำว่าเครื่องหมาย นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นแสดงความหมายป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่มีอักษรไทย ภาพดาราภาพยนตร์ ภาพสัตว์และภาพวัตถุอื่น ๆ จึงเป็นป้ายที่มีอักษรไทยปนกับเครื่องหมายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายประเภท (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้เช่าซื้อ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางภารจำยอมโดยไม่แจ้งเจ้าของที่ดิน และระยะเวลาการครอบครองไม่ถึง 10 ปี ไม่เกิดภารจำยอม
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลยซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกัน ดังนี้โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางภารจำยอมต้องมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อย่างเปิดเผยต่อเนื่อง และมีระยะเวลาตามกฎหมาย
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลย ซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกันดังนี้ โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์