คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิกรม เมาลานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก่โจทก์ เมื่อจำเลยถูกคุมขังในเรือนจำอื่น มิใช่การไม่อยู่ตามกฎหมาย
ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่อยู่ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183 วรรค 3 ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาล แต่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
การที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจึงส่งคำพิพากษานั้นไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบโจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะขอให้ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยถูกส่งตัวไปคุมขังต่างสถานที่ ศาลอ่านให้โจทก์ฟังก่อนได้
ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่อยู่ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183 วรรค 3ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาลแต่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
การที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจึงส่งคำพิพากษานั้นไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบ โจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะขอให้ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3126/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, เพิ่มโทษซ้ำความผิด, การจำกัดโทษสูงสุด
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี กับเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 กึ่งหนึ่ง แต่เมื่อเพิ่มโทษแล้วจะจำคุกเกิน 20 ปีมิได้ ตามมาตรา 51 เช่นนี้ ศาลให้จำคุกจำเลย 20 ปีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก – ไม่รอการลงโทษจำคุก
จำเลยอายุ 22 ปี เรียนสำเร็จ ม.ศ. 6 จากโรงเรียนการช่างและทำการงานเป็นลูกจ้างรายวัน กระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปีเศษ เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ยื่นตามกำหนด หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87(2)
จำเลยได้ระบุอ้างเอกสารไว้ในบัญชีพยานโดยชอบแล้ว แต่มิได้ยื่นเอกสารนั้นต่อศาล และส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน จำเลยเพิ่งส่งต้นฉบับต่อศาลในวันสืบพยานโจทก์ระหว่างตัวโจทก์เบิกความและส่งสำเนาให้แก่โจทก์ในวันนั้น เมื่อเอกสารฉบับนี้เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานเอกสารฉบับนี้โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของมาตรา 87(2) แล้ว ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารฉบับนี้ได้โดยไม่จำต้องปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลตามมาตรา 90(3) เสียก่อน เพราะมาตรา 90(3) เป็นเพียงข้อยกเว้นของความในวรรคแรกแห่งมาตรา 90 มิใช่เป็นบทจำกัดอำนาจที่ศาลมีอยู่ตามมาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2839/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดฐานขายสลากเกินราคา ศาลมีอำนาจริบเงินทั้งจำนวนที่ได้มา
จำเลยขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังมิได้ออกรางวัลให้แก่ผู้มีชื่อครึ่งฉบับในราคา 5 บาท 50 สตางค์ เกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากครึ่งฉบับ 50 สตางค์ เช่นนี้เงินทั้งจำนวน 5 บาท 50 สตางค์ย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด มิใช่เฉพาะเงินจำนวนส่วนที่เกิน50 สตางค์ ศาลมีอำนาจริบเงิน 5 บาท 50 สตางค์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาโดยการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2839/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดฐานขายสลากเกินราคา ศาลมีอำนาจริบเงินทั้งหมดที่ได้จากการกระทำผิด
จำเลยขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังมิได้ออกรางวัลให้แก่ผู้มีชื่อครึ่งฉบับในราคา 5 บาท 50 สตางค์ เกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากครึ่งฉบับ 50 สตางค์ เช่นนี้เงินทั้งจำนวน 5 บาท 50 สตางค์ย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด มิใช่เฉพาะเงินจำนวนส่วนที่เกิน 50 สตางค์ ศาลมีอำนาจริบเงิน 5 บาท 50 สตางค์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาโดยการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2808/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางต้องมีคำขอในฟ้อง หากไม่มีศาลสั่งริบไม่ได้ แม้จำเลยรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ และได้ปืนลูกกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลางขอให้ลงโทษ โดยมิได้ขอให้ริบของกลางด้วยเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลย แม้จำเลยจะได้เบิกความรับว่าปืนของกลางเป็นปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและจำเลยมีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตศาลก็สั่งริบของกลางไม่ได้ เพราะตามคำฟ้องไม่มีคำขอให้ริบของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ต้องมุ่งต่อการเอาทรัพย์ หากมีเจตนาอื่น การกระทำนั้นเป็นเพียงลักทรัพย์
การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ การลักทรัพย์ และความแตกต่างของเจตนาในการใช้กำลังประทุษร้าย
การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
of 51