คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิกรม เมาลานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิด: ห้างหุ้นส่วนสามัญก่อนจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สิทธิเรียกร้องเป็นของหุ้นส่วน
ในขณะที่เกิดเหตุละเมิดขึ้นนั้นห้างหุ้นส่วนจำกัดสหมิตรหล่อยางยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ โจทก์ในฐานะผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดซึ่งลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้กระทำต่อทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นได้ และอำนาจฟ้องหรือสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อผู้กระทำละเมิดต่อทรัพย์นั้นเป็นบุคคลสิทธิ มิใช่ทรัพย์สิทธิที่ติดตามไปกับตัวทรัพย์ เมื่อสิทธิดังกล่าวได้เกิดมีขึ้นแล้ว แม้ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดสหมิตรหล่อยางได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนนั้นก็ตาม อำนาจฟ้องหรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าวก็หาโอนไปยังห้างหุ้นส่วนจำกัดสหมิตรหล่อยางด้วยไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
รถยนต์ของจำเลยที่ชนรถโจทก์ได้ประกันไว้กับบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดเหตุแล้วตัวแทนบริษัทประกันภัยไปตรวจ เห็นว่ารถฝ่ายจำเลยผิด จึงได้รับรถโจทก์ไปซ่อมให้ ได้มีการไปทำบันทึกกันที่สถานีตำรวจมีข้อความตอนหนึ่งว่า ส่วนค่าเสียหายนอกจากการซ่อมซึ่งบริษัทประกันภัยรับผิดชอบ ตัวแทนของโจทก์จะไปเจรจาตกลงกันเองกับจำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของรถคันที่เป็นฝ่ายชนต่อไป บันทึกนี้เป็นเพียงบันทึกระหว่างตัวแทนโจทก์กับตัวแทนบริษัทประกันภัยเท่านั้น โจทก์หามีหน้าที่แจ้งให้จำเลยทราบไม่
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกิน 3 ปี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์/ฎีกาต้องห้าม
บิดาทำสัญญาต่างตอบแทนให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์ตลอดชีวิตผู้เช่า โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 การให้เช่ามีผลผูกพันบุตรผู้เยาว์เพียง 3 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแต่เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานและสั่งกำหนดประเด็นนำสืบ ไม่ได้กำหนดประเด็นนำสืบข้อนี้ไว้ และจำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ดังนี้จำเลยจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226, 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกิน 3 ปี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ และประเด็นการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ไม่ได้กำหนดในประเด็นนำสืบ
บิดาทำสัญญาต่างตอบแทนให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์ตลอดชีวิตผู้เช่าโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 การให้เช่ามีผลผูกพันบุตรผู้เยาว์เพียง 3 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแต่เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานและสั่งกำหนดประเด็นนำสืบ ไม่ได้กำหนดประเด็นนำสืบข้อนี้ไว้ และจำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ดังนี้ จำเลยจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226, 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053-2069/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาหลายสำนวน การให้นับโทษต่อกัน และขอบเขตการฎีกา
ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาคดี 17 สำนวน ซึ่ง ว. จำเลยถูกฟ้องทุกสำนวน บางสำนวนมีจำเลยอื่นร่วมด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยตัดบทมาตราที่ศาลชั้นต้นปรับบทไว้เกินฟ้องออกบ้าง ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษตามบทหนักที่สุดก็แก้เป็นว่าให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุดหรือตามบทและกระทงที่หนักที่สุดด้วย แล้วแต่กรณีบางสำนวนยังคงลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี 8 เดือน ตามเดิมบ้าง ตัดมาตราที่เกินฟ้องออกแล้วแก้โทษให้เบาลงจาก 3 ปี 8 เดือน เป็น 1 ปี 4 เดือนบ้าง เป็น2 ปีบ้าง และที่ศาลชั้นต้นไม่สั่งให้นับโทษติดต่อกัน ก็ให้นับโทษจำเลยทั้ง 17 สำนวนติดต่อกันด้วย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และโทษจำคุกของจำเลยแต่ละคนแต่ละสำนวนไม่เกิน 5 ปี คู่ความฎีกาได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
สำหรับ ว. นั้น แม้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้นับโทษทั้ง 17 สำนวนติดต่อกันแล้วรวมเป็นโทษจำคุกถึง 20 ปี ก็เป็นเรื่องของการบังคับคดี เพียงแต่แก้เป็นให้นับโทษของแต่ละสำนวนต่อกับโทษในสำนวนอื่นนั้น จะถือว่าเป็นการแก้ไขมากหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053-2069/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และการนับโทษจำเลยในคดีอาญาหลายสำนวน
ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาคดี 17 สำนวน ซึ่ง ว. จำเลยถูกฟ้องทุกสำนวน บางสำนวนมีจำเลยอื่นร่วมด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยตัดบทมาตราที่ศาลชั้นต้นปรับบทไว้เกินฟ้องออกบ้าง ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษตามบทหนักที่สุดก็แก้เป็นว่าให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุดหรือตามบทและกระทงที่หนักที่สุดด้วย แล้วแต่กรณีบางสำนวนยังคงลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี 8 เดือนตามเดิมบ้าง ตัดมาตราที่เกินฟ้องออกแล้วแก้โทษให้เบาลงจาก 3 ปี 8 เดือน เป็น 1 ปี 4 เดือนบ้าง เป็น2 ปีบ้าง และที่ศาลชั้นต้นไม่สั่งให้นับโทษติดต่อกันก็ให้นับโทษจำเลยทั้ง 17 สำนวนติดต่อกันด้วย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และโทษจำคุกของจำเลยแต่ละคนแต่ละสำนวนไม่เกิน 5 ปี คู่ความฎีกาได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
สำหรับ ว. นั้น แม้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้นับโทษทั้ง 17 สำนวนติดต่อกันแล้วรวมเป็นโทษจำคุกถึง 20 ปี ก็เป็นเรื่องของการบังคับคดี เพียงแต่แก้เป็นให้นับโทษของแต่ละสำนวนต่อกับโทษในสำนวนอื่นนั้น จะถือว่าเป็นการแก้ไขมากหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ต้องได้รับอนุญาตจากศาล หากเกิน 3 ปี เป็นโมฆะ
การที่บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทของโจทก์ในขณะที่โจทก์ทั้งสี่ยังเป็นผู้เยาว์ โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลนั้น ย่อมให้เช่าได้เพียงไม่เกิน 3 ปีเท่านั้นคดีได้ความว่าจำเลยเช่ามาเกิน 3 ปีแล้ว ฉะนั้น การให้เช่าอาคารพิพาทต่อไปเกินจาก 3 ปี จึงกระทำมิได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(2) ถึงแม้บิดาโจทก์จะได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทไปจนตลอดชีวิตจำเลยก็ตาม ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานดังที่จำเลยฎีกามา
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ได้บรรลุนิติภาวะแล้วโจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนายินยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปการกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550 นั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกิน 3 ปี สัญญาเป็นโมฆะ แม้ต่อมาผู้เยาว์ยินยอม
การที่บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทของโจทก์ในขณะที่โจทก์ทั้งสี่ยังเป็นผู้เยาว์ โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลนั้น ย่อมให้เช่าได้เพียงไม่เกิน 3 ปีเท่านั้นคดีได้ความว่าจำเลยเช่ามาเกิน 3 ปีแล้ว ฉะนั้น การให้เช่าอาคารพิพาทต่อไปเกินจาก 3 ปี จึงกระทำมิได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(2) ถึงแม้บิดาโจทก์จะได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทไปจนตลอดชีวิตจำเลยก็ตามก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานดังที่จำเลยฎีกามา
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ได้บรรลุนิติภาวะแล้วโจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนายินยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปการกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550 นั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การป้องกันตัวจากผู้ถูกข่มเหง
ผู้ตายเข้าผลักอกและเตะจำเลยก่อน จำเลยเตะตอบไปหนึ่งทีครั้นจำเลยถอยออกไป ผู้ตายก็ยังคงเดินตามเข้าไปยังจำเลยอีกด้วยท่าทางอย่างคนจะชกต่อย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวโดยชอบธรรมและการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ผู้ตายเข้าผลักอกและเตะจำเลยก่อน จำเลยเตะตอบไปหนึ่งทีครั้นจำเลยถอยออกไป ผู้ตายก็ยังคงเดินตามเข้าไปยังจำเลยอีกด้วยท่าทางอย่างคนจะชกต่อย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งปรับนายประกันในคดีอาญา ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลสั่งปรับนายประกันตามสัญญา เพราะจำเลยหลบหนีในคดีอาญานั้นถ้านายประกันประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งศาลว่า ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสนายประกันติดตามตัวจำเลยต่อไปอีกก็จะต้องยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
of 51