พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยไม่สมบูรณ์หากไม่จดทะเบียน แม้ได้มาโดยพินัยกรรม การเข้าอยู่แทนเจ้าของโดยไม่ยินยอมเป็นการละเมิด
การได้มาซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยพินัยกรรม เป็นการได้สิทธิมาโดยนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคต้น
จำเลยร่วมมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งสิทธิอาศัยกับพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมจึงไม่บริบูรณ์
การที่จำเลยเข้าอยู่ในเรือนพิพาทเพราะจำเลยร่วมให้เข้าอยู่แทนตนโดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมผู้หนึ่งมิได้ยินยอมเป็นการละเมิดต่อโจทก์
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
จำเลยร่วมมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งสิทธิอาศัยกับพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมจึงไม่บริบูรณ์
การที่จำเลยเข้าอยู่ในเรือนพิพาทเพราะจำเลยร่วมให้เข้าอยู่แทนตนโดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมผู้หนึ่งมิได้ยินยอมเป็นการละเมิดต่อโจทก์
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขคำฟ้องก่อนมีคำพิพากษา: สิทธิของคู่ความแม้ไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน
ในคดีแพ่ง เมื่อไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งงดการดำเนินกระบวนพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว แต่ตราบใดที่ศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่คู่ความอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขคำฟ้องได้ก่อนพิพากษา แม้ไม่มีชี้สองสถานหรือสืบพยาน
ในคดีแพ่ง เมื่อไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งงดการดำเนินกระบวนพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาแล้วแต่ตราบใดที่ศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่คู่ความอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งคุ้มครองชั่วคราวหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทตามข้อตกลงซื้อขาย โดยจำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์ครอบครองมาตั้งแต่ซื้อขายกันแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยขายให้โจทก์ เป็นแต่ให้โจทก์เช่าทำนา ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เช่าที่พิพาทของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำนาพิพาทมาทุกปี จำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งไปได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโดยเห็นว่าโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น และโจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสียแล้ว การที่ศาลฎีกาจะย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในชั้นนี้ไม่ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการคุ้มครองชั่วคราวหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้โอนที่พิพาทตามข้อตกลงซื้อขาย โดยจำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์ครอบครองมาตั้งแต่ซื้อขายกันแล้ว จำเลยให้การต่อสู้ว่าไม่เคยขายให้โจทก์ เป็นแต่ให้โจทก์เช่าทำนา ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เช่าที่พิพาทของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์ทำนาพิพาทมาทุกปี จำเลยบุกรุกเข้าทำนาพิพาท ขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้เข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนี้ เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งไปได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องโดยเห็นว่าโจทก์ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้น และโจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เสียแล้ว การที่ศาลฎีกาจะย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ในชั้นนี้ไม่ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขม่าดินปืนไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดพยายามฆ่า ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
ลำพังแต่พยานหลักฐานในการพิสูจน์ว่ามีเขม่าดินปืนที่มือของจำเลยเท่านั้น ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังมาลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขม่าดินปืนไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดฐานพยายามฆ่า จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
ลำพังแต่พยานหลักฐานในการพิสูจน์ว่ามีเขม่าดินปืนที่มือของจำเลยเท่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังมาลงโทษจำเลยฐานพยามยามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจมอบอำนาจจำนอง: การกระทำนอกเหนืออำนาจไม่ผูกพันผู้มอบอำนาจ
จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจทำนิติกรรมจำนองที่ดินของตนจำเลยที่ 1 ไปจำนองโดยมีข้อสัญญาด้วยว่าถ้าบังคับจำนองได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระขาดอยู่เท่าใดผู้จำนองและ ลูกหนี้ยอมรับผิดใช้เงินที่ขาดอยู่นั้นให้จนครบสัญญาข้อนี้ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเป็นการที่จำเลยที่ 1 กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจมอบอำนาจจำนอง: การกระทำเกินอำนาจของผู้รับมอบไม่ผูกพันผู้มอบ
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจทำนิติกรรมจำนองที่ดินของตน จำเลยที่ 1 ไปจำนองโดยมีข้อสัญญาด้วยว่าถ้าบังคับจำนองได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระขาดอยู่เท่าใด ผู้จำนองและลูกหนี้ยอมรับผิดใช้เงินที่ขาดอยู่นั้นให้จนครบ สัญญาข้อนี้ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเป็นการที่จำเลยที่ 1 กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยการประกอบตัวถังรถใหม่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และต้องริบทั้งตัวรถและตัวถัง
จำเลยนำรถยนต์นั่งที่เปลี่ยนตัวถังใหม่แล้วทั้งคันเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32 บัญญัติให้ริบทั้งสิ่งของที่นำข้ามา และยานพาหนะที่ใช้ในการขนย้ายนั้นด้วยการที่จำเลยใช้อุบายประกอบตัวถังเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถแล้วนำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีศุลกากรสำหรับตัวถังรถที่เปลี่ยนใหม่โดยเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล จึงเป็นของอันต้องริบทั้งตัวถังรถยนต์และตัวรถอันเป็นยานพาหนะขนย้ายนั้นด้วย