คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิกรม เมาลานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวง: แม้พ้นกำหนดผัดฟ้อง อธิบดีกรมอัยการยังอนุญาตฟ้องได้
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 9 ได้ให้อำนาจอธิบดีกรมอัยการไว้อย่างกว้างขวางในอันที่จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไปว่า คดีอาญาคดีใดที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว หากผู้ว่าคดีมิได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับก็ดี หรือเมื่อพ้นกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงไปแล้วมิได้มีการขอผัดฟ้องก็ดี อธิบดีกรมอัยการจะเห็นสมควรอนุญาตให้ฟ้องคดีนั้น ๆ หรือไม่ แม้ในการสอบสวนไม่มีการขอผัดฟ้อง ทั้ง ๆ ที่ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมานับแต่วันเวลาที่จำเลยถูกจับก็ตามเมื่ออธิบดีกรมอัยการได้พิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฟ้องจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
บทบัญญัติมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมุ่งถึงการควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นสารสำคัญ ส่วนกำหนดเวลาที่พนักงานสอบสวนหรือผู้ว่าคดีจะต้องปฏิบัติในการยื่นฟ้องหรือขอผัดฟ้องผู้ต้องหา ย่อมเป็นไปตามมาตรา 7 อำนาจของอธิบดีกรมอัยการตามความในมาตรา 9หาได้ถูกลบล้างแต่ประการใดไม่ (อ้างฎีกาที่ 661/2503 และ 133/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำบังคับศาล ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลไม่เป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริง แม้แต่โดยย่อ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยกล่าวว่า จำเลยเกรงว่าฎีกาของจำเลยจะขาดอายุความ จึงรีบจัดทำฎีกามาชั้นหนึ่งก่อน รายละเอียดพิศดารจำเลยจะได้แถลงการณ์ด้วยลายลักษณ์อักษรตามมาภายหลัง นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฏว่าฎีกาของจำเลยระบุข้อเท็จจริงประการใด ดังนี้ ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริง แม้แต่โดยย่อ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยกล่าวว่า จำเลยเกรงว่าฎีกาของจำเลยจะขาดอายุความจึงรีบจัดทำฎีกาย่อมาชั้นหนึ่งก่อน รายละเอียดพิศดารจำเลยจะได้แถลงการณ์ด้วยลายลักษณ์อักษรตามมาภายหลัง นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฏว่าฎีกาของจำเลยระบุข้อเท็จจริงประการใด ดังนี้ ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยมีเจตนาวางแผนแบ่งหน้าที่: การกระทำของพี่น้องที่สกัดขวางการไล่ล่าผู้ถูกทำร้าย
นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามนายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากันก่อนเกิดเหตุ 1 เดือนมีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศการที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำกล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วมิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันวางแผนฆ่า: การกระทำขัดขวางการไล่ติดตามผู้กระทำผิดแสดงเจตนาในการช่วยเหลือและมีส่วนร่วมในการฆ่า
นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่า จำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากัน ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน มีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศ การที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้ว มิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาผู้เยาว์ไปอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่ถือเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร
จำเลยกับผู้เยาว์รักใคร่ชอบพอกันแล้วหนีตามกันไปพักค้างคืนที่อื่น 20 กว่าคืนแล้วพากันกลับมาขอขมาพ่อแม่ผู้เยาว์ และพักอยู่กินด้วยกันที่บ้านพ่อแม่ผู้เยาว์อีก 10 กว่าวันพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อเป็นภริยา ไม่ใช่พาไปเพื่ออนาจาร จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อเป็นภริยา ไม่ถือว่าเป็นการพาไปเพื่ออนาจาร
จำเลยกับผู้เยาว์รักใคร่ชอบพอกันแล้วหนีตามกันไปพักค้างคืนที่อื่น 20 กว่าคืน แล้วพากันกลับมาขอขมาพ่อแม่ผู้เยาว์ และพักอยู่กินด้วยกันที่บ้านพ่อแม่ผู้เยาว์อีก 10 กว่าวัน พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อเป็นภริยา ไม่ใช่พาไปเพื่ออนาจาร จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาการขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 208 วรรคสุดท้าย พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง: กำหนดเวลา 15 วัน และ 6 เดือน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 กำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้เป็น 2 ระยะตามลำดับกัน กล่าวคือในกรณีแรกต้องยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย และหากศาลได้กำหนดวิธีการอย่างใดเพื่อส่งคำบังคับโดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทนแล้ว ก็นับกำหนดระยะเวลาต่อเมื่อได้มีการปฏิบัติตามคำกำหนดนั้นแล้ว ในกรณีที่สอง หากมีพฤติการณ์อันนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ อันเป็นเหตุให้คู่ความนั้นไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนดเวลาตามกรณีแรก คู่ความนั้นยังมีสิทธิยื่นคำขอได้อีกภายใน 15 วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง
ส่วนความตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งห้ามมิให้ยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนดเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอื่นโดยวิธีอื่นนั้น เป็นเพียงบทกำหนดระยะเวลาไว้ว่า แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ หากพฤติการณ์นอกเหนือนั้นทำให้การยื่นคำขอล่าช้าเกินกว่า 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้ว คู่ความนั้นจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ และกำหนดระยะเวลา 15 วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงที่ให้สิทธิคู่กรณียื่นคำขอพิจารณาใหม่ในกรณีที่สองดังกล่วนั้น ก็ต้องอยู่ในบังคับกำหนดเวลา 6 เดือน ตามความตอนท้ายของวรรคแรกแห่งบทบัญญัตินี้ด้วย
of 51