คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุทัย ศุภนิตย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 251 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวหาศาลไม่เป็นธรรมในคำฟ้องอุทธรณ์ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล แม้จะคัดจากเอกสารอื่น
โจทก์ยื่นคำแถลงไปยังสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคมีข้อความว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พูดกันในขณะจดรายงานฯ เป็นการช่วยเหลือฝ่ายจำเลยซึ่งมีอิทธิพล ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีและเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ในการดำเนินกระบวนพิจารณา ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยคัดข้อความดังกล่าวมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วย ข้อความดังกล่าวนี้กล่าวหาว่าศาลไม่เป็นธรรมจึงถือได้ว่าเป็นข้อความที่มุ่งกล่าวเสียดสีศาล
แม้ข้อความที่กล่าวเสียดสีศาลจะเป็นข้อความซึ่งโจทก์คัดมาจากคำแถลงของโจทก์และหาใช่ถ้อยคำที่โจทก์ใช้ในอุทธรณ์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็น จึงเป็นการแสดงเจตนาว่าโจทก์มุ่งกล่าวให้เห็นในคำฟ้องอุทธรณ์ด้วย
แม้ตัวโจทก์จะเป็นผู้ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม แต่ทนายโจทก์ก็เป็นผู้เรียงข้อความที่เสียดสีเหล่านั้น ผลแห่งการยื่นจึงถือได้เท่ากับว่าทนายโจทก์เป็นผู้ยื่นเองด้วย ฉะนั้น ตัวโจทก์และทนายโจทก์ย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลในฐานที่ประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวเสียดสีศาลในคำฟ้องอุทธรณ์ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล แม้จะคัดมาจากเอกสารอื่น
โจทก์ยื่นคำแถลงไปยังสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคมีข้อความว่า ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พูดกันในขณะจดรายงาน ฯ เป็นการช่วยเหลือฝ่ายจำเลยซึ่งมีอิทธิพล ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีและเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ในการดำเนินกระบวนพิจารณา ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยคัดข้อความดังกล่าวมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วยข้อความดังกล่าวนี้กล่าวหาว่าศาลไม่เป็นธรรม จึงถือได้ว่าเป็นข้อความที่มุ่งกล่าวเสียดสีศาล
แม้ข้อความที่กล่าวเสียดสีศาลจะเป็นข้อความซึ่งโจทย์คัดมาจากคำแถลงของโจทก์และหาใช่ถ้อยคำที่โจทก์ใช้ในอุทธรณ์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็นจึงเป็นการแสดงเจตนาว่า โจทก์มุ่งกล่าวให้เห็นในคำฟ้องอุทธรณ์ด้วย
แม้ตัวโจทก์จะเป็นผู้ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม แต่ทนายโจทก์ก็เป็นผู้เรียงข้อความที่เสียดสีเหล่านั้น ผลแห่งการยื่นจึงถือได้เท่ากับว่าทนายโจทก์เป็นผู้ยื่นเองด้วย ฉะนั้น ตัวโจทก์และทนายโจทก์ย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลในฐานที่ประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินโดยผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ธนาคารผู้รับจำนองสุจริตมีสิทธิบังคับจำนองได้ ผู้รับมรดกร่วมกันไม่มีสิทธิเรียกร้อง
จำเลยและผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกในที่ดินร่วมกัน จำเลยไปโอนรับมรดกที่ดินใส่ชื่อตนแต่ผู้เดียว ครั้นแล้วจำเลยนำไปจำนองไว้แก่ธนาคารโจทก์ผู้ทำการโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ดังนี้ นิติกรรมการจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลสมบูรณ์ ธนาคารโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้เต็มตามสัญญา ผู้ร้องจะขอกันส่วนของผู้ร้องจากจำนวนเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินจากการบังคับจำนองหาได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1046/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองโดยผู้แทนที่ไม่ชอบ ธนาคารสุจริตมีสิทธิบังคับได้ ผู้รับมรดกไม่มีสิทธิเรียกร้อง
จำเลยและผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกในที่ดินร่วมกัน จำเลยไปโอนรับมรดกที่ดินใส่ชื่อตนแต่ผู้เดียว ครั้นแล้วจำเลยนำไปจำนองไว้แก่ธนาคารโจทก์ผู้ทำการโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ดังนี้ นิติกรรมการจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลสมบูรณ์ ธนาคารโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้เต็มตามสัญญา ผู้ร้องจะขอกันส่วนของผู้ร้องจากจำนวนเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินจากการบังคับจำนองหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1046/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลมีอำนาจเฉพาะแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพิพากษาเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 ให้อำนาจศาลเพิ่มเติม แก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลกระทำเช่นนั้นในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลมีอำนาจเฉพาะแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพิพากษาเท่านั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ให้อำนาจศาลเพิ่มเติมแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลกระทำเช่นนั้นในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว
คำขอของคู่ความในชั้นฎีกาในเรื่องที่มิได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยบังคับให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ vs. ปล้นทรัพย์: การกระทำเฉพาะตัวของผู้ต้องหา และการร่วมกระทำผิดของผู้อื่น
จำเลยกับพวกอีก 3 คนร่วมกันลักโคของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับชาวบ้านติดตามไปทันในระยะเวลากระชั้นชิดกันนั้นเอง พวกของจำเลยทั้ง 3 คนหลบหนีไปได้ก่อน คงเหลือแต่จำเลยผู้เดียวถูกผู้เสียหายกับชาวบ้านล้อมจับ จำเลยยิงปืนต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และใช้ปืนตีทำร้ายผู้เสียหายจนถูกจับไว้ได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะตัว พวกของจำเลยมิได้ร่วมประทุษร้ายหรือขู่เข็ญผู้เสียหายกับพวกด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่หามีความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดชิงทรัพย์ vs. ปล้นทรัพย์: การกระทำของจำเลยเป็นเอกเทศหรือไม่
จำเลยกับพวกอีก 3 คนร่วมกันลักโคของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับชาวบ้านติดตามไปทันในระยะเวลากระชั้นชิดกันนั้นเอง พวกของจำเลยทั้ง 3 คนหลบหนีไปได้ก่อน คงเหลือแต่จำเลยผู้เดียวถูกผู้เสียหายกับชาวบ้านล้อมจับ จำเลยยิงปืนต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และใช้ปืนตีทำร้ายผู้เสียหายจนถูกจับไว้ได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเฉพาะตัว พวกของจำเลยมิได้ร่วมประทุษร้ายหรือขู่เข็ญผู้เสียหายกับพวกด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่หามีความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง/น.ส.3 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิหากที่ดินเป็นทางสาธารณะ
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้อง เพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินย่อมไม่เกิดจากการครอบครองทับทางสาธารณะ แม้มี ส.ค.1 หรือ น.ส.3
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้องเพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
of 26