พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอาญาในการรับฟ้องคดีความผิดนอกเขตอำนาจ และการใช้ดุลพินิจรับฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) บัญญัติว่า "เมื่อจำเลยมีที่อยู่ฯลฯ ในท้องที่หนึ่งนอกเขตศาลดังกล่าวแล้ว จะชำระที่ศาลซึ่งท้องที่นั้นอยู่เขตอำนาจก็ได้" นั้น มิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลซึ่งท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ ในเขตอำนาจจะรับชำระคดีนั้นหรือไม่ก็ได้ ความผิดที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา แต่จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลอาญา เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจรับหรือไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณาก็ได้
การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า "นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด...." ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2523)
การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า "นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด...." ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและการใช้ดุลพินิจรับคดีอาญาที่ความผิดเกิดนอกเขตอำนาจ แต่จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) บัญญัติว่า "เมื่อจำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ ในท้องที่หนึ่งนอกเขตศาลดังกล่าวแล้ว จะชำระที่ศาลซึ่งท้องที่นั้นอยู่เขตอำนาจก็ได้" นั้น มิใช่เป็นบทบังคับให้ศาลซึ่ง ท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ อยู่ในเขตอำนาจจะต้องรับชำระคดีนั้น ๆ แต่เป็นบทบัญญัติให้ดุลพินิจแก่ศาลซึ่งท้องที่ที่จำเลยมีที่อยู่ ฯลฯ ในเขตอำนาจจะรับชำระคดีนั้นหรือไม่ก็ได้ ความผิดที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลอาญา แต่จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลอาญา เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจรับหรือไม่รับคดีนั้นไว้พิจารณาก็ได้
การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า "นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด" ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่ง ไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2523)
การที่ศาลอาญาสั่งในคำฟ้องของโจทก์ว่า "นัดไต่สวนให้โจทก์นำส่งหมายนัด" ยังถือไม่ได้ว่าศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจรับคดีของโจทก์ไว้ ชำระแล้ว ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอาญาสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่ง ไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจึงเป็นการที่ศาลอาญาได้ใช้ดุลพินิจสั่งตามอำนาจที่มีอยู่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีแพ่งต้องยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจเหนือภูมิลำเนาจำเลย หากฟ้องผิดศาล ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องได้
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในข้อหาละเมิด ต้องอยู่ ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ซึ่งให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดปทุมธานี มิได้อยู่ที่จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีในเขตอำนาจศาลแพ่งโจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งโดยศาลแพ่งมิได้ใช้ดุลพินิจยอมรับคดีไว้พิจารณาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมไม่ได้
ศาลแพ่งสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อปรากฏว่า(ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง) จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลแพ่งศาลแพ่งย่อมมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ได้
ศาลแพ่งสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อปรากฏว่า(ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง) จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลแพ่งศาลแพ่งย่อมมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดความผิดฐานเช็คเด้ง คือ สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่สถานที่ออกหรือนำเช็คเข้า
จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารไทยพัฒนาจำกัด สาขากาญจนบุรีให้โจทก์ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีโจทก์ที่ธนาคารไทยพัฒนาจำกัด สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเรียกเก็บเงินจากธนาคารไทยพัฒนาจำกัด สาขากาญจนบุรี ธนาคารไทยพัฒนาจำกัด สาขากาญจนบุรี ปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ความผิดเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นสถานที่ที่ความผิดเกิดขึ้น เมื่อธนาคารซึ่งปฏิเสธการจ่ายเงินตั้งอยู่จังหวัดกาญจนบุรีต้องถือว่า เหตุเกิดในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี หาใช่เกิดขึ้น ณ สถานที่เขียนเช็คและสถานที่ตั้งธนาคารที่นำเช็คเข้าบัญชีและสถานที่ตั้งธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงิน เกี่ยวเนื่องกันหลายท้องที่ไม่ แม้ธนาคารที่นำเช็คเข้าบัญชีและธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงิน เกี่ยวเนื่องกันหลายท้องที่ไม่ แม้ธนาคารที่นำเช็คเข้าบัญชีและธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นของเจ้าของเดียวกันก็ตาม ธนาคารที่นำเช็คเข้าบัญชีหาได้เป็นผู้จ่ายเงินตามเช็คไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนเรียกเก็บเงินตามเช็คให้เท่านั้น เมื่อธนาคารซึ่งปฏิเสธการจ่ายเงินอยู่จังหวัดกาญจนบุรี เหตุจึงเกิดในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี ถือไม่ได้ว่าความผิดเกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานครด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาลคดีเช็ค: ความผิดเกิดขึ้น ณ สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่สถานที่สั่งจ่ายหรือเรียกเก็บ
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จะเกิดขึ้นต่อเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยออกเช็คให้โจทก์ที่กรุงเทพมหานคร แต่ธนาคารซึ่งมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็ค และได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน คือธนาคารซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา จึงถือไม่ได้ว่าความผิดได้เกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร และปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลอาญาจึงไม่ต้องชำระคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ศาลอาญาชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนอกเขตจังหวัดแล้ว ถือว่ามีอำนาจพิจารณา
คดีที่เกิดขึ้นนอกเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น เมื่อศาลแพ่งได้ประทับรับฟ้องคดี รวมทั้งรับคำให้การจำเลยตลอดจนสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระบวนความ ถือว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ศาลอาญาเริ่มพิจารณาคดีแล้ว ไม่อาจยกเหตุไม่มีอำนาจพิจารณาได้ภายหลัง
โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วมึคำสั่งคืนฟ้องให้ไปยื่นต่อศาลที่ความผิดเกิดขึ้นและจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลอาญาให้รับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งในเรื่องไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องหมายเรียกจำเลยมาศาล และจะสอบถามคำให้การตามวันนัด ได้กำหนดให้โจทก์นำส่งหมายเรียก ถ้าส่งไม่ได้ให้ปิดหมาย และได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสำนวน ดังนี้ ย่อมถือว่าศาลอาญาได้รับพิจารณาคดีนั้นแล้ว จะกลับมาอ้างภายหลังว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ศาลอาญาพิจารณาคดีแล้ว ไม่อาจอ้างภายหลังว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจ
โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งคืนฟ้องให้ไปยื่นต่อศาลที่ความผิดเกิดขึ้นและจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลอาญาให้รับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งในเรื่องไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องหมายเรียกจำเลยมาศาล และจะสอบถามคำให้การตามวันนัดได้กำหนดให้โจทก์นำส่งหมายเรียก ถ้าส่งไม่ได้ให้ปิดหมาย และได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสำนวน ดังนี้ ย่อมถือว่าศาลอาญาได้รับพิจารณาคดีนั้นแล้ว จะกลับมาอ้างภายหลังว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ดุลพินิจไม่อนุญาตฟ้องนอกเขต หากโจทก์สามารถมอบอำนาจทนายได้
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้คืนฟ้อง ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
เหตุคดีอาญาเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษและจำเลยก็อยู่ในห้องที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ตัวโจทก์ต้องควบคุมอยู่ที่จังหวัดพระนคร ดังนี้การที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลอาญา เป็นดุลพินิจที่ชอบ
เหตุคดีอาญาเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษและจำเลยก็อยู่ในห้องที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ตัวโจทก์ต้องควบคุมอยู่ที่จังหวัดพระนคร ดังนี้การที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลอาญา เป็นดุลพินิจที่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงตาม พ.ร.บ.ศาลแขวงฯ พ.ศ.2499: บทบาทผู้ว่าคดีและอัยการ
คดีเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 ส่วนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 ยังมิได้ออกใช้บังคับ เมื่อผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงธนบุรี ศาลแขวงธนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลฐานวิ่งราวทรัพย์(ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลอาญา) และให้ประทับฟ้องไว้ อัยการได้รับสำนวนจากศาลแขวงธนบุรีและพิจารณาแล้วสั่งไม่ฟ้องฐานวิ่งราวคงสั่งฟ้องฐานลักทรัพย์ (ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง) เช่นนี้เมื่ออัยการฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญาศาลอาญาจำต้องรับคดีนี้ไว้พิจารณา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)