พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องบุกรุกที่ดิน: ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์กรรมสิทธิ์ก่อนตัดสินว่ามีมูลความผิดอาญาหรือไม่
ในคดีอาญาเรื่องบุกรุก เพียงแต่จำเลยต่อสู้อ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยครอบครองแต่ผู้เดียวตลอดมา ถึงแม้เป็นที่ดินมือเปล่า จะถือว่าเป็นเรื่องพิพาทกันในทางแพ่งไม่มีมูลความผิดทางอาญาเสียเลยทีเดียวไม่ได้ ศาลต้องพิจารณาจากพยานโจทก์และพยานจำเลยเสียก่อนว่า ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้หรือไม่ว่า ที่พิพาทเป็นของผู้เสียหาย เมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายบิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ. บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตร แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วัน ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทง ย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้าย ย. อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
เมื่อพวกของจำเลยแทง ย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนี จำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไป แสดงว่าร่วมกันจะทำร้าย ย. อีก ครั้นตามไปทัน พวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า และการร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น
จำเลยจับมือ ณ. ผู้เสียหายปิดไว้ ทำให้พวกของจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้แต่พวกของจำเลยกลับใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบ 1 คืบ แทง ณ บริเวณด้านหลังมีบาดแผล 2 แห่ง ยาวแผลละ 2 เซนติเมตร แผลที่หนึ่งลึกเพียง 1 เซนติเมตรแสดงว่าไม่ได้ตั้งใจแทงโดยแรง แผลที่สองเยื้องไปทางขวาบังเอิญมีดทะลุไปถูกไตต้องตัดไตข้างขวาออก และรักษาตัวราว 27 วันก็ออกจากโรงพยาบาลไป ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นเจตนาว่าจะฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส
เมื่อพวกของจำเลยแทงย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนีจำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไปแสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายย.อีก ครั้นตามไปทันพวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
เมื่อพวกของจำเลยแทงย. ผู้เสียหายแล้ว ย. วิ่งหนีจำเลยกับพวกวิ่งไล่ตามไปแสดงว่าร่วมกันจะทำร้ายย.อีก ครั้นตามไปทันพวกของจำเลยใช้มีดแทง ย. จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการทำร้าย ย. ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2596/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ การกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ และผลของการผิดนัด
สัญญาประนีประนอมยอมความทำกันในศาลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2516 ความว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์ภายใน 15 เดือนนับแต่วันทำสัญญา โดยให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือน ถ้าผิดนัด จำเลยยอมให้ทรัพย์จำนองหลุดและถือว่าหมดหนี้ต่อกัน ดังนี้ เมื่อจำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ในวันที่ 21 ตุลาคม 2517 จึงถือว่าจำเลยผิดนัด จำเลยต้องยอมให้ทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์และถือว่าหมดหนี้ต่อกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อตกลงให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือนย่อมบังคับกันได้ไม่ถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 ก็บัญญัติให้นับระยะเวลาตามวิธีการที่กำหนดไว้ในนิติกรรมได้
ข้อตกลงให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือนย่อมบังคับกันได้ไม่ถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 ก็บัญญัติให้นับระยะเวลาตามวิธีการที่กำหนดไว้ในนิติกรรมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ผู้ให้ราคาสูงสุดจึงจะเป็นผู้ซื้อได้ หากไม่มีข้อผิดพลาดหรือทุจริต
ตามประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้กำหนดเงื่อนไขในการขายว่าจะต้องรายงานการขายทอดตลาดเสนอขออนุญาตศาลเสียก่อน เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จึงถือว่าผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ซื้อได้ คงมีข้อความเพียงว่า เมื่อตกลงซื้อแล้ว ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินทันที ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีข้อความว่าได้ขายเสร็จแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ที่ให้ราคาสูงสุดพร้อมจะชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามเงื่อนไขในวันนั้น และผู้ร้องก็ยืนยันตลอดมาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการเคาะไม้แล้ว การขายทอดตลาดจึงบริบูรณ์ เมื่อไม่ปรากฏว่าการขายทอดตลาดผิดระเบียบ ไม่ชอบ หรือส่อว่ามีการทุจริต จึงไม่มีเหตุใดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องรายงานศาลเพื่อขออนุญาตขายซ้ำอีก และถือว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉวยโอกาสเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นของผู้เสียหาย และการแสดงเจตนาทุจริตถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
การที่ถุงกระดาษใส่เงินและทรัพย์มีค่าของผู้เสียหายตกอยู่ระหว่างทางในเวลากลางวัน ขณะผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์จะกลับบ้าน โดยผู้เสียหายไม่ทราบว่าตกตรงไหน แต่คาดหมายได้ว่าตกในระหว่างทางที่ผ่านมาซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 3 เส้น ทันทีที่ผู้เสียหายรู้ตัวก็รีบกลับรถไปตามหาและตามไปจนพบจุดที่ถุงกระดาษตก แต่ปรากฎว่าจำเลยเก็บไปเสียก่อนแล้วนั้น จำเลยย่อมรู้หรือควรรู้ว่าอยู่ในระหว่างเวลาที่เจ้าทรัพย์ติดตามหาการที่จำเลยเก็บเอาไป จึงเป็นการฉวยโอกาสเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองของเจ้าทรัพย์ ก่อนที่เจ้าทรัพย์จะติดตามมาทัน เมื่อผู้เสียหายตามไปพบและขอคืน จำเลยก็ไม่ยอมคืน เป็นการแสดงเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์สินหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและการปรับปรุงทรัพย์สิน: การกระทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้เช่า ไม่ถือเป็นสิทธิพิเศษเหนือสัญญาเช่า
ผู้ให้เช่ากำหนดให้ผู้เช่าเทพื้นทางด้านหลัง ทำห้องน้ำห้องส้วมใหม่ และผู้เช่าได้กระทำครบถ้วนตามนั้น ก็เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้เช่าในการใช้ทรัพย์สินที่เช่า ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษที่จะทำให้ผู้เช่ามีสิทธิยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
จำเลยฎีกาเพียงแต่ขอให้สั่งศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาท คือส่วนที่เกิน 50 บาทให้จำเลย
จำเลยฎีกาเพียงแต่ขอให้สั่งศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาท คือส่วนที่เกิน 50 บาทให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อบังคับบริษัทต้องใช้มติพิเศษตามกฎหมาย แม้ข้อบังคับบริษัทจะกำหนดไว้ต่างจากกฎหมายก็ใช้ไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1145 ห้ามมิให้เพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของบริษัท เว้นแต่ทำโดยมติพิเศษของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ฉะนั้น การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของบริษัทโดยมติธรรมดาจึงใช้ไม่ได้ หากมีข้อบังคับของบริษัทอนุญาตให้ทำได้ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการปฏิบัติตามคำพิพากษา ข้อตกลงนอกศาลมิอาจขัดขวางการบังคับคดีได้
เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีได้ข้อตกลงใดๆ นอกศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยหากจะพึงมี ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์อีกส่วนหนึ่ง หาเป็นเหตุที่จะยกขึ้นอ้างเพื่องดการบังคับคดีได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 293/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับโอนเช็คที่รู้ว่าไม่มีมูลหนี้ ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ครายพิพาทจากจำเลยในฐานะเป็นผู้สั่งจ่าย โดยโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็ครายพิพาทให้แก่ ส. เพื่อเป็นประกันหนี้โดย ส.รับเหมาช่วงงานจากจำเลยไปทำ และต่อมาส. ทิ้งงานนั้น แล้วยักยอกเอาเช็คนั้นไปให้โจทก์ โจทก์ทรงเช็คโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นผู้ทรงโดยไม่สุจริตเนื่องจากการฉ้อฉลของ ส. เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบ อย่างไรก็ตาม ส.อาจจะสมรู้ร่วมคิดกับโจทก์ ให้โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อให้ได้เงินมาแบ่งปัน จึงเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต ตามคำให้การจำเลยดังกล่าว จำเลยยืนยันแต่เพียงว่า ส. ฝ่ายเดียวฉ้อฉล หาได้ยืนยันว่าโจทก์ร่วมฉ้อฉลด้วยไม่ แม้จะมีข้อความทำนองว่า ส.สมรู้ร่วมคิดกับโจทก์ จำเลยก็กล่าวแต่เพียงว่า ส.อาจจะสมรู้ร่วมคิดกับโจทก์เท่านั้น ซึ่งแปลได้ว่า ส.อาจไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับโจทก์ก็ได้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวแล้วจึงคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามในระหว่างพิจารณา จำเลยก็แถลงว่าเช็ครายพิพาทจะตกไปอยู่ที่โจทก์อย่างไรจำเลยไม่ทราบ ดังนี้ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้ในคำให้การนั้นได้
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ส. ได้ทิ้งงานรับเหมาช่วงงานจากจำเลยงวดที่ออกเช็คนั้นไปแล้ว ทั้งจำเลยก็ได้เลิกสัญญากับ ส. ก่อนเช็คนั้นถึงกำหนดจ่ายเงิน กับได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนฟ้องแล้วด้วย ฉะนั้น เช็คที่จำเลยออกให้เป็นประกันจึงเป็นอันไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับ ส. แล้ว การที่โจทก์ยอมรับโอนเช็ครายพิพาทมาโดยรู้ว่าเช็คนั้นเป็นเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อประกันหนี้การรับเหมาช่วงงานก่อสร้าง และจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่ ส. ตามเช็คนั้นแล้ว โจทก์ผู้รับโอนเช็ครายพิพาทจึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้นได้
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ส. ได้ทิ้งงานรับเหมาช่วงงานจากจำเลยงวดที่ออกเช็คนั้นไปแล้ว ทั้งจำเลยก็ได้เลิกสัญญากับ ส. ก่อนเช็คนั้นถึงกำหนดจ่ายเงิน กับได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนฟ้องแล้วด้วย ฉะนั้น เช็คที่จำเลยออกให้เป็นประกันจึงเป็นอันไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับ ส. แล้ว การที่โจทก์ยอมรับโอนเช็ครายพิพาทมาโดยรู้ว่าเช็คนั้นเป็นเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อประกันหนี้การรับเหมาช่วงงานก่อสร้าง และจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่ ส. ตามเช็คนั้นแล้ว โจทก์ผู้รับโอนเช็ครายพิพาทจึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้นได้