คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถนอม ครูไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2497-2500/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของรถไฟต่ออุบัติเหตุทางตัดกับถนน: หน้าที่ป้องกันภัยตามกฎหมาย
ในคดีที่โจทก์และจำเลยต่างฟ้องซึ่งกันและกันโดยกล่าวอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งประมาทและให้รับผิดฐานละเมิดซึ่งจำเลยเรียกค่าเสียหายเพียง 800 บาทเศษนั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยประมาทฝ่ายเดียวและให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นความประมาทของโจทก์ฝ่ายเดียวหรือเป็นความประมาทร่วมกันของจำเลยและโจทก์ เป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 3 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้
พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 ส่วนที่ 5ว่าด้วยความปราศจากภัยแห่งประชาชน มาตรา 72, 88 บัญญัติว่า เมื่อทางรถไฟผ่านข้ามถนนสำคัญ ให้ทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำรางกั้นขวางถนนหรือทางนั้น ๆ ตามควรแก่การพนักงานรถไฟคนใดละเลยไม่กระทำตามหน้าที่โดยประมาทท่านว่ามีความผิด ดังนี้การรถไฟ ฯ จำเลยผู้ดำเนินกิจการรถไฟมีหน้าที่ต้องป้องกันภัยในการที่จะเดินรถไฟผ่านถนนสายนั้นๆ
ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่ซึ่งถนนตัดกับทางรถไฟ จำเลยได้ทำเครื่องกั้นถนนไว้โดยใช้คนหมุนขึ้นลงปิดกั้นถนนขณะรถไฟแล่นผ่าน แต่ขณะเกิดเหตุพนักงานของจำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยไม่ปิดเครื่องกั้นถนน อันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายที่ประสงค์จะปกป้องอันตรายประชาชน เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์แล่นผ่านเข้าไปถูกรถไฟของจำเลยชนเกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าพนักงานของจำเลยประมาทเลินเล่อ เพราะฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2462/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, หนังสือรับสภาพหนี้, อายุความ 2 ปี สำหรับค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ
โจทก์วางระเบียบให้พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศจากบ้านของผู้ติดตั้งโทรศัพท์ได้ โดยให้ผู้เช่าโทรศัพท์นำเงินค่าธรรมเนียมการใช้วิทยุโทรศัพท์มาชำระภายหลังองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านจำเลยตามคำขอของจำเลย จำเลยให้องค์การยูซ่อมเช่าบ้านพร้อมโทรศัพท์ แสดงว่าจำเลยยินยอมให้พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศได้ด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยใช้เงินค่าธรรมเนียมที่พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวพูดวิทยุทางไกลไปต่างประเทศ
จำเลยมีหนังสือถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบัญชีของโจทก์ว่าจำเลยเข้าใจว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ทางไกลข้ามทวีปของผู้เคยอาศัยอยู่ในบ้านจำเลยซึ่งย้ายออกไปแล้ว จำเลยได้มอบเรื่องราวให้องค์การยูซ่อมเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมมามอบให้แก่ส่วนการบัญชีและการเงินของโจทก์แล้ว ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบอีกที หนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงให้เห็นว่า จำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์และมีเจตนาจะใช้หนี้ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง จึงไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลง
แม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาลมีหน้าที่จัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลขวิทยุเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนก็ดีแต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดทางไกลไปต่างประเทศ โดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ทุกครั้งเงินค่าธรรมเนียมคือสินจ้าง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) จึงมีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2462/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์, หนังสือรับสภาพหนี้, อายุความ 2 ปีสำหรับค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ
โจทก์วางระเบียบให้พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศจากบ้านของผู้ติดตั้งโทรศัพท์ได้ โดยให้ผู้เช่าโทรศัพท์นำเงินค่าธรรมเนียมการใช้วิทยุโทรศัพท์มาชำระภายหลังองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านจำเลยตามคำขอของจำเลย จำเลยให้องค์การยูซ่อมเช่าบ้านพร้อมโทรศัพท์ แสดงว่าจำเลยยินยอมให้พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศได้ด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยใช้เงินค่าธรรมเนียมที่พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวพูดวิทยุทางไกลไปต่างประเทศ
จำเลยมีหนังสือถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบัญชีของโจทกว่า จำเลยเข้าใจว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ทางไกลข้ามทวีปของผู้เคยอาศัยอยู่ในบ้านจำเลยซึ่งย้ายออกไปแล้ว จำเลยได้มอบเรื่องราวให้องค์การยูซ่อมเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมมามอบให้แก่ส่วนการบัญชีและการเงินของโจทก์แล้ว ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงให้เห็นว่าจำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์และมีเจตนาจะใช้หนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง จึงไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
แม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาลมีหน้าที่จัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลขวิทยุเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนก็ดี แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดทางไกลไปต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ทุกครั้งเงินค่าธรรมเนียมคือสินจ้าง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) จึงมีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460-2461/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การจดทะเบียนภายใต้เงื่อนไข และการเพิกถอนทะเบียนเมื่อมีสิทธิที่ดีกว่า
ในกรณีที่มีผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอันเดียวกันหรือเกือบเหมือนกันหลายราย และนายทะเบียนได้มีหนังสือแจ้งให้ทำความตกลงกันเองหรือนำคดีไปสู่ศาลแล้ว ไม่ได้รับแจ้งภายในกำหนดว่าผู้ขอได้ตกลงกันหรือได้นำคดีไปสู่ศาล มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474 บัญญัติให้นายทะเบียนจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแก่ผู้ที่ขอขึ้นมาก่อนผู้อื่น บทบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติว่าสิทธิที่จะนำคดีไปสู่ศาลเป็นอันระงับสิ้นไป เจตนารมย์ของกฎหมายเพียงเพื่อให้การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดำเนินไปโดยรวดเร็วเท่านั้น แม้นายทะเบียนจะได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แล้ว ซึ่งทำให้บุคคลผู้ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าแต่ผู้เดียวตามมาตรา 27 ก็ตาม หากมีผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ดีกว่า ผู้มีสิทธิดีกว่าก็อาจขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 41(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460-2461/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: แม้จดทะเบียนแล้ว ผู้มีสิทธิดีกว่ายังขอเพิกถอนได้
ในกรณีที่มีผู้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอันเดียวกันหรือเกือบเหมือนกันหลายราย และนายทะเบียนได้มีหนังสือแจ้งให้ทำความตกลงกันเองหรือนำคดีไปสู่ศาลแล้วไม่ได้รับแจ้งภายในกำหนดว่าผู้ขอได้ตกลงกันหรือได้นำคดีไปสู่ศาล มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 บัญญัติให้นายทะเบียนจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแก่ผู้ที่ขอซื้อมาก่อนผู้อื่น บทบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติว่าสิทธิที่จะนำคดีไปสู่ศาลเป็นอันระงับสิ้นไป เจตนารมย์ของกฎหมายเพียงเพื่อให้การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดำเนินไปโดยรวดเร็วเท่านั้น แม้นายทะเบียนจะได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แล้ว ซึ่งทำให้บุคคลผู้ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าแต่ผู้เดียวตามมาตรา 27 ก็ตาม หากมีผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ดีกว่าผู้มีสิทธิดีกว่าก็อาจขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 41(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมีผลต่อความผิดฐานชิงทรัพย์ แม้มีพฤติการณ์ข่มขู่
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ท.ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าเป็นผู้ยกเครื่องเลื่อยพิพาทให้ผู้เสียหายเพื่อตีใช้หนี้นั้นยังโต้เถียงกรรมสิทธิ์กับจำเลย และ ท.หาได้ยกเครื่องเลื่อยให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายไม่ ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายจึงไม่ใช่เจ้าของหรือเจ้าของรวมในเครื่องเลื่อยรายพิพาท แต่กลับฟังได้ว่าเป็นของจำเลย ฉะนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยยกปืนจ้องไปทาง ป.ซึ่งครอบครองเลื่อยของจำเลยเป็นทำนองมิให้ขัดขวาง เพราะ ป.ไม่ยอมให้แล้วจำเลยเอาเครื่องเลื่อยไปเช่นนี้ หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ดังโจทก์ฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและการชิงทรัพย์: ผู้ครอบครองไม่ใช่เจ้าของจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ท.ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าเป็นผู้ยกเครื่องเลื่อยพิพาทให้ผู้เสียหายเพื่อตีใช้หนี้นั้นยังโต้เถียงกรรมสิทธิ์กับจำเลย และท.หาได้ยกเครื่องเลื่อยให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายไม่ ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายจึงไม่ใช่เจ้าของหรือเจ้าของรวมในเครื่องเลื่อยรายพิพาท แต่กลับฟังได้ว่าเป็นของจำเลย ฉะนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยยกปืนจ้องไปทาง ป.ซึ่งครอบครองเครื่องเลื่อยของจำเลย เป็นทำนองมิให้ขัดขวางเพราะป.ไม่ยอมให้แล้วจำเลยเอาเครื่องเลื่อยไปเช่นนี้ หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ดังโจทก์ฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงินจากเช็คและจดหมายรับสภาพหนี้ เพียงพอตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา ๖๕๓
จำเลยยืมเงินของโจทก์แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินเท่าจำนวนที่จำเลยยืมไปให้โจทก์ไว้ เมื่อโจทก์นำเช็คไปรับเงินจากธนาคารไม่ได้และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้จำเลยได้มีจดหมายถึงโจทก์ขอความเห็นใจมิให้โจทก์นำเช็คไปแจ้งความและรับรองว่าจะชำระเงินที่จำเลยยืมไปจนครบ ดังนี้ ข้อความตามเอกสารเหล่านั้นเมื่อประกอบเข้าด้วยกันย่อมถือได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน: เช็ค + จดหมายรับสภาพหนี้ ถือเป็นหลักฐานหนังสือลงลายมือชื่อตามกฎหมาย
จำเลยยืมเงินของโจทก์แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินเท่าจำนวนที่จำเลยยืมไปให้โจทก์ไว้ เมื่อโจทก์นำเช็คไปรับเงินจากธนาคารไม่ได้ และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยได้มีจดหมายถึงโจทก์ขอความเห็นใจ มิให้โจทก์นำเช็คไปแจ้งความและรับรองว่าจะชำระเงินที่จำเลยยืมไปจนครบ ดังนี้ข้อความตามเอกสารเหล่านั้นเมื่อประกอบเข้าด้วยกันย่อมถือได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทครอบครองที่ดิน: การฟ้องเพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดินและห้ามโต้แย้ง
ฟ้องจำเลย 16 คนว่าคัดค้านการที่โจทก์ขอ น.ส.3 สำหรับที่ดินเนื้อที่ 20 ไร่ของโจทก์ อ้างว่าเป็นของจำเลย ขอให้แสดงว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยโต้แย้ง จำเลยให้การว่าได้ครอบครองที่ดินมาเป็นส่วนสัดดังนี้ เป็นคดีมีข้อหาเดียว จะสั่งแยกคดีให้ฟ้องจำเลยแต่ละคนไม่ได้
of 47