คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถนอม ครูไพศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินระบุเนื้อที่เกินจริง ผู้ขายต้องรับผิดชดใช้ราคาส่วนที่ขาด
ขายที่ดินระบุเลขโฉนดและเนื้อที่ในโฉนด 99 ตารางวา แต่ที่ดินตามโฉนดมีเนื้อที่จริง 84 ตารางวา เป็นการขายโดยระบุเนื้อที่ต้องรับผิดในจำนวนที่ขาด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 466 ผู้ซื้อยอมรับที่ดินผู้ขายต้องใช้ราคาส่วนที่ขาดคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2323/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินสมรสและการติดตามทรัพย์คืน ความแตกต่างระหว่างละเมิดกับสัญญา
ฟ้องว่าจำเลยแกล้งยึดทรัพย์ละเมิดสิทธิของโจทก์ แต่โจทก์ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับดอกเบี้ย เป็นเรื่องติดตามเอาทรัพย์คืน ไม่ใช่ละเมิดที่ใช้อายุความ 1 ปี
ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรสรวมทั้งหุ้นในบริษัทจำกัดหรือสิทธิการเช่า สิ่งที่ซื้อมาด้วยสินส่วนตัวหรือดอกผลของสินส่วนตัวไม่เข้า มาตรา 1465 เป็นสินสมรส สิ่งที่ได้มาโดยหนังสือยกให้ไม่มีระบุว่าเป็นสินส่วนตัว ก็เป็นสินสมรส ดอกผลของสินเดิมเป็นสินสมรส เครื่องใช้ส่วนตัวตามฐานะเป็นสินส่วนตัว
ทรัพย์ซึ่งอยู่ที่คนภายนอก ผู้ว่าราชการจังหวัดยึดตามประมวลรัษฎากร ไม่ได้ใช้คำว่าอายัด ผลก็คือต้องส่งมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงไม่แตกต่างกัน
ฟ้องเรียกสินเดิมและสินส่วนตัวคืน แต่ไม่ระบุว่าเครื่องประดับและรถยนต์ที่เรียกคืนมีอะไรบ้าง รถคันไหนเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารและข่มขืนต่อเนื่องกัน ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราทั้งในคืนแรกและคืนที่สอง เป็นการกระทำต่อเนื่องกันจากเจตนาเดิมนั้นเองแยกออกจากกันมิได้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาต่อเนื่องในการกระทำอนาจารและข่มขืน: ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราทั้งในคืนแรกและคืนที่สอง เป็นการกระทำต่อเนื่องกันจากเจตนาเดิมนั่นเองแยกออกจากกันมิได้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจตามใบมอบอำนาจ: การเรียกเงินคืนนอกเหนือจากอำนาจที่ได้รับมอบหมาย
ใบมอบอำนาจให้จัดการในโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งฟ้องคดี ผู้มอบอำนาจจำนองที่ดินนำเงินไปฝากธนาคารไว้แล้ว จำเลยถอนเงินนั้นไป ผู้รับมอบอำนาจฟ้องเรียกเงินคืน กรณีเกี่ยวกับเงินที่เรียกคืน ไม่เกี่ยวกับที่ดิน ไม่อยู่ในหนังสือมอบอำนาจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินเพื่อชำระหนี้: สิทธิของเจ้าหนี้และการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
ข. ทำหนังสือแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อ ข. ตายแล้วให้ที่พิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลยเจ้าหนี้แทนการชำระหนี้ เมื่อจำเลยยินยอมตามนี้โดยได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตั้งแต่ ข. ตาย ก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีกระทำได้โดยชอบไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง และวรรคสุดท้ายดังนั้น การครอบครองของ ข. จึงเป็นอันสิ้นสุดลงนับแต่ ข.ตาย จำเลยหาได้ครอบครองที่พิพาทแทน ข. หรือโจทก์ซึ่งเป็นทายาทไม่ จำเลย จึงไม่ตกอยู่ในฐานะผู้ยึดถือแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381ไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองไปยังโจทก์หรือทายาทอื่นของ ข. จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินเพื่อชำระหนี้: สิทธิการครอบครองที่ชอบด้วยกฎหมายหลังเจ้าหนี้รับมอบ
ข.ทำหนังสือแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินไว้ล่วงหน้าว่า เมื่อ ข.ตายแล้วให้ที่พิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลยเจ้าหนี้แทนการชำระหนี้ เมื่อจำเลยยินยอมตามนี้โดยได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตั้งแต่ ข.ตายก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีกระทำได้โดยชอบไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรค 2 และวรรคสุดท้าย ดังนั้น การครอบครองของ ข.จึงเป็นอันสิ้นสุดลงนับแต่ ข.ตาย จำเลยหาได้ครอบครองที่พิพาทแทน ข. หรือโจทก์ซึ่งเป็นทายาทไม่ จำเลยจึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือแทนตามประมวลกกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ไม่จำต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองไปยังโจทก์หรือทายาทอื่นของ ข. จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกและการบังคับสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ต่อทายาท
คดีก่อนที่จำเลยฟ้อง พ.มารดาโจทก์เพื่อให้ชำระหนี้ของผู้ตายซึ่งเป็นบิดาโจทก์หากไม่ชำระขอให้บังคับจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างนั้น เป็นกรณีเจ้าหนี้กองมรดกบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737,1738 เมื่อ พ.ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยว่า พ.จะโอนที่ดินกับบ้านซึ่งนำมาจำนองไว้นั้นให้แก่จำเลยเป็นการชำระหนี้จำนอง เมื่อ พ.ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ถ้า พ.ไม่ดำเนินการก็ให้บังคับจำนองเอาทรัพย์จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ทันที และศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ดังนี้ ถือว่า พ.กระทำไปในฐานะทายาทของผู้ตายเพื่อจัดการเกี่ยวกับมรดกหาใช่กระทำในฐานะผู้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่ แม้โจทก์จะมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายก็ตาม กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 1546 ที่จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน โจทก์จึงจะมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อนไม่ผูกพันโจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาประนีประนอมโดยทายาทผู้จัดการมรดก ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาลหากทำในฐานะทายาท ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง
บิดาตาย เจ้าหนี้ฟ้องมารดาเด็กบังคับจำนอง เป็นการฟ้องทายาทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737,1738 มารดาทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีได้ ไม่ต้องรับอนุญาตจากศาลก่อน ไม่ใช่ทำในฐานะผู้ใช้อำนาจปกครองตาม มาตรา 1546 มารดามาฟ้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กว่าสัญญาประนีประนอมนั้นไม่ผูกพันเด็กไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2039/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: การเลิกสัญญาและดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้
สัญญาระบุว่าเป็นสัญญาซื้อขายที่ดินเงินผ่อนชื่อที่เรียกคู่สัญญาในสัญญาทุกข้อก็ระบุว่าผู้ซื้อและผู้ขายแม้มีสัญญาข้อหนึ่งว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองใช้สิทธิ ปลูกสร้างในที่ดินได้ก็มีเงื่อนไขว่านับตั้งแต่วันที่ผู้ขายกรุยดินยกถนนผ่านที่ดินเรียบร้อยแล้วอันมีความหมายชัดว่าผู้ขายไม่ได้มอบที่ดินให้ผู้ซื้อทันทีโจทก์ผู้ซื้อจึงไม่ได้ใช้และรับประโยชน์จากที่ดินพิพาทในวันทำสัญญาแต่ประการใด แสดงให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาที่จะทำสัญญาจะซื้อขายกัน ซึ่งต่างกับสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยจะต้องนำที่ดินมาให้โจทก์เช่า หรือส่งมอบที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ หรือได้รับประโยชน์จากที่ดินนั้นโดยมีคำมั่นว่าจะขาย แม้คำบรรยายฟ้องมีว่า โจทก์ได้ตกลงเช่าซื้อที่พิพาท แต่ก็อ้างหนังสือสัญญาท้ายคำฟ้องซึ่งตรงกับหนังสือสัญญาดังกล่าวที่ส่งศาลและโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยสัญญาดังกล่าวเป็นหลัก. ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
ศาลล่างเขียนหรือพิมพ์คำพิพากษาผิดพลาดไป ว่าให้จำเลยเสียดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2514(ที่ถูกคือ 2515) ศาลฎีกาแก้ไขได้เองให้ถูกต้อง โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 โดยพิพากษายืนแต่ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2515
of 47