พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนใหม่มีผลย้อนหลังคุ้มครองผู้กระทำผิดก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้
แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดและเจ้าพนักงานตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน กับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามของกลางซึ่งเป็นของจำเลยกับพวกได้ก่อนพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 มีผลใช้บังคับ แต่ในระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาฟ้องได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯฉบับดังกล่าวออกใช้บังคับ ผู้ที่ปฏิบัติตามมาตรา 3 และมาตรา 5 แล้วไม่ต้องรับโทษพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายที่ออกมาใหม่ได้ยกเว้นโทษอันเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก จำเลย ไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะภริยาชอบด้วยกฎหมายและสิทธิในสินสมรสเมื่อขาดหลักฐานการขาดจากความเป็นสามีภริยา
โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบตามข้อต่อสู้ว่าโจทก์ได้ขาดจากการเป็นสามีภริยากับเจ้ามรดกแล้ว เมื่อจำเลยไม่มีพยานหลักฐานว่าเจ้ามรดกขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 อันเป็นวันที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง บรรพ 5 และเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง บรรพ 5 แล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์กับเจ้ามรดกทำหนังสือยินยอมหย่ากัน หรือศาลพิพากษาให้หย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497, 1498 จึงต้องถือว่าโจทก์กับเจ้ามรดกยังคงเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายตลอดมา
ในการชี้สองสถาน ศาลมิได้กะประเด็นเรื่องภริยาร้างไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น จำเลยฎีกาว่าโจทก์เป็นภริยาร้าง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ในการชี้สองสถาน ศาลมิได้กะประเด็นเรื่องภริยาร้างไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น จำเลยฎีกาว่าโจทก์เป็นภริยาร้าง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะภริยาชอบด้วยกฎหมายและสิทธิในสินสมรส: การพิสูจน์การขาดจากความเป็นสามีภริยา
โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบตามข้อต่อสู้ว่าโจทก์ได้ขาดจากการเป็นสามีภริยากับเจ้ามรดกแล้ว เมื่อจำเลยไม่มีพยานหลักฐานว่าเจ้ามรดกขาดจากการเป็นสามีภริยากับโจทก์ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 อันเป็นวันที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง บรรพ 5 และเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง บรรพ 5 แล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์กับเจ้ามรดกทำหนังสือยินยอมหย่ากัน หรือศาลพิพากษาให้หย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497,1498 จึงต้องถือว่าโจทก์กับเจ้ามรดกยังคงเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายตลอดมา
ในการชี้สองสถาน ศาลมิได้กะประเด็นเรื่องภริยาร้างไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งถือได้ว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น จำเลยฎีกาว่าโจทก์เป็นภริยาร้างศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ในการชี้สองสถาน ศาลมิได้กะประเด็นเรื่องภริยาร้างไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งถือได้ว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น จำเลยฎีกาว่าโจทก์เป็นภริยาร้างศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนรับขนส่งทางทะเลเมื่อส่งมอบสินค้าไม่ชอบ กรณีผู้รับสินค้าไม่ใช่ผู้รับตราส่ง
จำเลยตัวแทนของบริษัท บี. ซึ่งมีภูมิลำเนาในต่างประเทศรับจ้างขนส่งสินค้าของโจทก์ทางทะเล เพื่อส่งให้แก่บริษัท เอ. ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในใบตราส่งระบุให้ธนาคาร เอ็ม. เป็นผู้รับใบตราส่งเมื่อสินค้าไปถึงท่าเรือปลายทางบริษัท บี. ได้มอบสินค้าให้แก่ตัวแทนบริษัท เอ. ไปโดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่ง และบริษัท เอ. ก็มิใช่ผู้รับใบตราส่งหรือผู้ทรงใบตราส่ง เช่นนี้ แม้ผู้รับสินค้าจะได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาค้ำประกันในการรับสินค้าไป การส่งมอบสินค้าดังกล่าวของบริษัท บี.ก็ยังเป็นการไม่ชอบและเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์
เมื่อตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศมิได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งหรือทรงใบตราส่งโดยชอบ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศย่อมต้องรับผิดตามสัญญารับขนแต่ลำพังตนเอง
กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มีการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในกรณีผิดสัญญารับขนทางทะเลจึงใช้อายุความ 10 ปี
เมื่อตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศมิได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งหรือทรงใบตราส่งโดยชอบ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศย่อมต้องรับผิดตามสัญญารับขนแต่ลำพังตนเอง
กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มีการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในกรณีผิดสัญญารับขนทางทะเลจึงใช้อายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนรับขนส่งทางทะเล เมื่อส่งมอบสินค้าไม่ถูกต้อง และอายุความฟ้องค่าเสียหาย
จำเลยตัวแทนของบริษัท บี.ซึ่งมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ รับจ้างขนส่งสินค้าของโจทก์ทางทะเล เพื่อส่งให้แก่บริษัท เอ.ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในใบตราส่งระบุให้ธนาคารเอ็ม.เป็นผู้รับใบตราส่ง เมื่อสินค้าไปถึงท่าเรือปลายทาง บริษัทบี.ได้มอบสินค้าให้แก่ตัวแทนบริษัท เอ.ไปโดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่ง และบริษัท เอ.ก็มิใช่ผู้รับใบตราส่งหรือผู้ทรงใบตราส่งเช่นนี้ แม้ผู้รับสินค้าจะได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาค้ำประกันในการรับสินค้าไป การส่งมอบสินค้าดังกล่าวของบริษัท บี.ก็ยังเป็นการไม่ชอบและเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์
เมื่อตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศมิได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งหรือทรงใบตราส่งโดยชอบ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศย่อมต้องรับผิดตามสัญญารับขนแต่ลำพังตนเอง
กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มีการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในกรณีผิดสัญญารับขนของทางทะเลจึงใช้อายุความ 10 ปี
เมื่อตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศมิได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งหรือทรงใบตราส่งโดยชอบ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศย่อมต้องรับผิดตามสัญญารับขนแต่ลำพังตนเอง
กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มีการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในกรณีผิดสัญญารับขนของทางทะเลจึงใช้อายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดฐานปลอมแปลงเงินตรา: ลงโทษเฉพาะกระทงปลอมแปลง ตามมาตรา 248
เมื่อจำเลยทำปลอมเงินตราเป็นเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาท ซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และจำเลยมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 244 กับจำเลยทำและมีเครื่องมือและวัตถุสำหรับทำปลอมเงินตราดังกล่าวด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 246 จำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และได้กระทำผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246 เกี่ยวกับเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นด้วย ซึ่งความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246 บัญญัติไว้ในลักษณะ 7 หมวด 1 หมวดเดียวกับมาตรา 240 ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และศาลลงโทษตามมาตรา 240 แล้ว จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้ เพราะมาตรา 248 บัญญัติให้ลงโทษแต่กระทงเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมแปลงเงินตรา: ลงโทษกระทงเดียวตามมาตรา 248
เมื่อจำเลยทำปลอมเงินตราเป็นเหรียญกษาปณ์ราคาอันละห้าบาทซึ่งรัฐบาลไทยออกใช้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และจำเลยมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 244 กับจำเลยทำและมีเครื่องมือและวัตถุสำหรับทำปลอมเงินตราดังกล่าวด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 246 จำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และได้กระทำผิดตามมาตรา 244 มาตรา 246 เกี่ยวกับเงินตราที่จำเลยทำปลอมขึ้นด้วยซึ่งความผิดตาม มาตรา 244 มาตรา 246 บัญญัติไว้ในลักษณะ 7 หมวด 1 หมวดเดียวกับมาตรา 240 ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 240 และศาลลงโทษตามมาตรา 240 แล้ว จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งไม่ได้ เพราะมาตรา 248 บัญญัติให้ลงโทษแต่กระทงเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าและผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
นัดสืบพยานวันที่ 28 ยื่นบัญชีระบุพยานในวันที่ 25 ก่อนวันนัดสืบพยานเพียง 2 วัน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง
เมื่อโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่งแล้ว ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นแสดงว่าเหตุใดจึงยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาไม่ได้ เพื่อจะได้มีข้อเท็จจริงให้ศาลได้วินิจฉัยว่าข้ออ้างของโจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะรับบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่ การที่อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจฝ่าฝืนระเบียบทั้งจำเลยไม่เสียเปรียบเพราะโจทก์ยังไม่ได้สืบพยาน เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม แล้วอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ จึงไม่ชอบ และจะกลายเป็นข้อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 88 และโจทก์จงใจฝ่าฝืนหรือไม่ย่อมไม่แน่นอน ส่วนข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีก็มีอยู่อย่างชัดแจ้ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ชอบแล้ว
เมื่อโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่งแล้ว ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นแสดงว่าเหตุใดจึงยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาไม่ได้ เพื่อจะได้มีข้อเท็จจริงให้ศาลได้วินิจฉัยว่าข้ออ้างของโจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะรับบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่ การที่อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจฝ่าฝืนระเบียบทั้งจำเลยไม่เสียเปรียบเพราะโจทก์ยังไม่ได้สืบพยาน เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม แล้วอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ จึงไม่ชอบ และจะกลายเป็นข้อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 88 และโจทก์จงใจฝ่าฝืนหรือไม่ย่อมไม่แน่นอน ส่วนข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีก็มีอยู่อย่างชัดแจ้ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ทางน้ำในที่ดิน: ทางน้ำธรรมชาติในที่ดินส่วนบุคคลมิใช่ทางน้ำสาธารณะหากมิได้อุทิศให้แก่สาธารณะ
ทางน้ำพิพาทในที่นาของโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำในร่องน้ำกุดปลาค้าวที่อยู่ทางทิศตะวันตกนาโจทก์ไหลซัดเซาะเข้ามาในนาของโจทก์เมื่อประมาณ 16 ปีมานี้ แล้วไหลผ่านนาโจทก์ไปทางทิศตะวันออกเป็นทางน้ำคดเคี้ยวไปจดลำห้วยหนองขอนกลองซึ่งอยู่นอกที่นาของโจทก์นั้น เป็นทางน้ำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แม้กำเนิดของทางน้ำจะอยู่นอกเขตที่นาของโจทก์ก็ต้องเป็นของโจทก์ ทางน้ำดังกล่าวจะเป็นทางน้ำสาธารณะได้ก็โดยโจทก์อุทิศให้แก่ทางการโดยตรงหรือโดยปริยาย การที่ประชาชนปล่อยสัตว์พาหนะลงกินน้ำที่ทางน้ำพิพาทยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทิศโดยปริยายทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นทางน้ำสาธารณะ โดยสภาพตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ทางน้ำในที่ดิน: ทางน้ำเกิดเองในที่ดินส่วนบุคคลไม่เป็นทางน้ำสาธารณะหากเจ้าของไม่สละสิทธิ์
ทางน้ำพิพาทในที่นาของโจทก์ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำในร่องน้ำกุดปลาค้าวที่อยู่ทางทิศตะวันตกนาโจทก์ไหลซัดเซาะเข้า มาในนาของโจทก์เมื่อประมาณ 16 ปีมานี้ แล้วไหลผ่านนาโจทก์ไปทางทิศตะวันออกเป็นทางน้ำคดเคี้ยวไปจดลำห้วยหนองขอนกลองซึ่งอยู่นอกที่นาของโจทก์นั้น เป็นทางน้ำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แม้กำเนิดของทางน้ำจะอยู่นอกเขตที่นาของโจทก์ก็ต้องเป็นของโจทก์ ทางน้ำดังกล่าวจะเป็นทางน้ำสาธารณะได้ก็โดยโจทก์อุทิศให้แก่ทางการโดยตรงหรือโดยปริยาย การที่ประชาชนปล่อยสัตว์พาหนะลงกินน้ำที่ทางน้ำพิพาทยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทิศโดยปริยาย ทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นทางน้ำสาธารณะโดยสภาพตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมา