คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิชัย รชตะนันทน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความ 'ไม้แปรรูป' ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: ลักษณะเครื่องใช้ต้องสอดคล้องกับท้องถิ่น
ไม้สักของกลางเป็นแผ่นกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว หนา 1 นิ้ว เซาะร่องที่ขอบโดยรอบร่องลึกประมาณครึ่งนิ้ว ขัดและทาน้ำมันทุกแผ่น มีลักษณะผิดจากเขียงที่ใช้กันอยู่ในท้องที่เกิดเหตุ แม้จะมีผู้ซื้อไปใช้แทนเขียง ก็ไม่ใช่เขียงที่คนในท้องถิ่นนั้นใช้กัน ถือว่ายังเป็นไม้แปรรูปอยู่ มิใช่เครื่องใช้
ความในวรรคสองของมาตรา 4 (4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 หาใช่บทยกเว้นความในวรรคแรกไม่ คำว่าเครื่องใช้ในวรรคสองนี้หมายความว่า เครื่องใช้ที่ชอบด้วยลักษณะของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นปกติในท้องที่นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูป vs. เครื่องใช้: การพิจารณาลักษณะการใช้งานจริงในท้องถิ่นเพื่อตัดสินความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้สักของกลางเป็นแผ่นกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว หนา 1 นิ้ว เซาะร่องที่ขอบโดยรอบร่องลึกประมาณครึ่งนิ้ว ขัดและทาน้ำมันทุกแผ่น มีลักษณะผิดจากเขียงที่ใช้กันอยู่ในท้องที่เกิดเหตุ แม้จะมีผู้ซื้อไปใช้แทนเขียงก็ไม่ใช่เขียงที่คนในท้องถิ่นนั้นใช้กัน ถือว่ายังเป็นไม้แปรรูปอยู่ มิใช่เครื่องใช้
ความในวรรคสองของมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 หาใช่บทยกเว้นความในวรรคแรกไม่ คำว่าเครื่องใช้ในวรรคสองนี้หมายความว่า เครื่องใช้ที่ชอบด้วยลักษณะของเครื่องใช้ที่ใช้เป็นปกติในท้องที่นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษยาปลอมต้องพิสูจน์ได้ว่าผู้กระทำรู้ว่าเป็นยาปลอม
การจะปรับบทลงโทษผู้กระทำการตามวรรคหนึ่งของมาตรา 119 พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 อันเป็นบทหนัก ต้องปรากฏว่าผู้กระทำได้ขายหรือนำหรือสั่งเข้ามาโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม ตามฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม และจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับว่าได้รู้ว่าของกลางเป็นยาปลอมแต่แรก เพิ่งรู้เมื่อได้พิสูจน์แล้ว จะถือว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอมหาได้ไม่ จึงลงโทษจำเลยตามวรรคหนึ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานขายยาปลอม ต้องพิสูจน์ได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นยาปลอมตั้งแต่แรก
การปรับบทลงโทษผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510มาตรา 119 วรรคหนึ่ง ต้องปรากฏว่าผู้กระทำได้ขายหรือสั่งเข้ามาโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม ตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม และจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับว่าได้รู้ว่าของกลางเป็นยาปลอมแต่แรก เพิ่งรู้ภายหลังเมื่อได้พิสูจน์แล้วจึงลงโทษจำเลยตามวรรคหนึ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้เช่าเมื่อมีการซื้อขายทรัพย์สินที่เช่า: ผู้ซื้อต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าเดิม
จำเลยที่ 2 เช่าที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของ ต่อมาโจทก์เช่าช่วงจากจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ยินยอม แล้วโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่สัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ยังมีผลบังคับอยู่ แม้จำเลยที่ 1 จะต้องโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนจะต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 1 ผู้โอนได้ทำไว้กับจำเลยที่ 2 ผู้เช่าเดิมมาด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และโจทก์ก็รู้ถึงความผูกพันตามสัญญาเช่าระหว่างจำเลยทั้งสองอยู่ก่อนแล้ว จำเลยที่ 2 จึงยังมีสิทธิในที่พิพาทในฐานะผู้เช่าอยู่ โจทก์จะห้ามจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องในที่พิพาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนขายที่ดินที่มีสัญญาเช่าเดิม ผู้รับโอนต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า
จำเลยที่ 2 เช่าที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของ ต่อมาโจทก์เช่าช่วงจากจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ยินยอม แล้วโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่สัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ยังมีผลบังคับอยู่ แม้จำเลยที่ 1 จะต้องโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนจะต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 1 ผู้โอนได้ทำไว้กับจำเลยที่ 2ผู้เช่าเดิมมาก่อนด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 539และโจทก์ก็รู้ถึงความผูกพันตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองอยู่ก่อนแล้วจำเลยที่ 2 จึงยังมีสิทธิในที่พิพาทในฐานะผู้เช่าอยู่ โจทก์จะห้ามจำเลยที่ 2ไม่ให้เกี่ยวข้องในที่พิพาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้รับประกันภัยโดยไม่ฟ้องผู้เอาประกันภัยไม่ทำให้ความรับผิดของผู้รับประกันภัยสิ้นสุด
ผู้เสียหายฟ้องผู้รับประกันภัยค้ำจุนโดยไม่เรียกผู้เอาประกันภัยเข้ามาในคดีด้วย ไม่ทำให้ผู้รับประกันภัยสิ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ชื่อการค้าที่คล้ายกันในธุรกิจต่างประเภท ไม่ทำให้เกิดความสับสนและเสียหายต่อผู้อื่น จึงไม่ถือเป็นการละเมิด
แม้โจทก์จะได้ใช้คำว่า SHERATON มาเป็นเวลาช้านาน และเป็นคำสำคัญในชื่อโรงแรมของโจทก์ ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ฯ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่โจทก์ประกอบธุรกิจ เฉพาะโรงแรม ส่วนจำเลยทำการค้าเพชร พลอย เครื่องประดับ ฯลฯอันเป็นธุรกิจที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กัน ไม่อาจที่จะเห็นได้ว่ามีการซับซ้อนอย่างแท้จริงได้ สำหรับกิจการของโรงแรมโจทก์กับกิจการของห้างจำเลยหรือชื่อของห้างจำเลยนั้นจะทำให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดขึ้นระหว่างชนทั่วไปแก่โรงแรมโจทก์ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่กิจการของโจทก์ก็หาไม่ การที่โจทก์ใช้คำว่า SHERATON ประทับไว้ในบรรดาสิ่งของเครื่องใช้ของโรงแรมโจทก์ และพิมพ์บนกระดาษเขียนจดหมาย ภาพถ่าย กลักไม้ขีด และอื่น ๆ เป็นเพียง มุ่งหวังโฆษณาชี้ชวนในกิจการโรงแรมของโจทก์เป็นประการสำคัญหาทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ห้ามจำเลยตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ชื่อทางการค้าที่คล้ายคลึงกันในธุรกิจต่างประเภท ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความสับสน จึงไม่ถือเป็นการละเมิด
แม้โจทก์จะได้ใช้คำว่า SHERATON มาเป็นเวลาช้านาน และเป็นคำสำคัญในชื่อโรงแรมของโจทก์ ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่โจทก์ประกอบธุรกิจเฉพาะโรงแรม ส่วนจำเลยทำการค้าเพชร พลอย เครื่องประดับ ฯลฯ อันเป็นธุรกิจที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กัน ไม่อาจที่จะเห็นได้ว่ามีการซับซ้อนอย่างแท้จริงได้ สำหรับกิจการของโรงแรมโจทก์กับกิจการของห้างจำเลย หรือชื่อของห้างจำเลยนั้นจะทำให้เกิดความสับสน หรือความเข้าใจผิดขึ้นระหว่างชนทั่วไปแก่โรงแรมโจทก์ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่กิจการของโจทก์ก็หาไม่ การที่โจทก์ใช้คำว่า SHERATON ประทับไว้ในบรรดาสิ่งของเครื่องใช้ของโรงแรมโจทก์ และพิมพ์บนกระดาษเขียนจดหมาย ภาพถ่าย กลักไม้ขีด และอื่น ๆ เป็นเพียงมุ่งหวังโฆษณาชี้ชวนในกิจการโรงแรมของโจทก์เป็นประการสำคัญ หาทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ห้ามจำเลยตามฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งคำสั่งเจ้าพนักงานที่ดินเกี่ยวกับมรดกที่ดิน ไม่ตัดสิทธิโจทก์หากไม่ฟ้องใน 60 วัน
โจทก์ขอรับใบแทนโฉนดและรับมรดกที่ดิน จำเลยคัดค้านเจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์ฟ้องใน 60 วัน ตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 81 โจทก์ไม่ฟ้องในกำหนด ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องภายหลังกำหนดนั้น
of 44