พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็ค: ผู้สลักหลังมีฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมกับผู้สั่งจ่าย ไม่ใช่ผู้ค้ำประกัน
การลงลายมือชื่อของตนที่ด้านหลังเช็คต้องถือว่าเป็นการสลักหลังตั๋วแลกเงินโดยสมบูรณ์. ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 919 อันมีผลให้ผู้สลักหลังต้องรับผิดต่อผู้ทรงตามมาตรา 914 และมาตรา989 ให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้ในเรื่องเช็คด้วยผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินที่ค้างชำระให้แก่ผู้ทรง ในเมื่อธนาคารไม่ยอมจ่ายเงินตามเช็คนั้น
ผู้สลักหลังมีฐานะเป็นลูกหนี้ต้องร่วมกับผู้สั่งจ่ายรับผิดต่อผู้ทรงมิได้มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน จึงนำมาตรา 700 มาใช้บังคับกรณีนี้มิได้
ผู้สลักหลังมีฐานะเป็นลูกหนี้ต้องร่วมกับผู้สั่งจ่ายรับผิดต่อผู้ทรงมิได้มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน จึงนำมาตรา 700 มาใช้บังคับกรณีนี้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบังคับศาลย่อมมีผลผูกพัน แม้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะของโจทก์ภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 โดยรื้อถอนโรงเรือนออกไป จำเลยจะยกเอาผลแห่งคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดคำพิพากษาในคดีนี้มาเป็นเหตุให้ศาลงดหรือเพิกถอนคำบังคับเสียหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทการเล่นแชร์: การรับผิดของหัวหน้าวงต่อลูกวงเมื่อลูกวงไม่ชำระเงิน
โจทก์จำเลยและผู้อื่นตกลงเล่นแชร์กัน โจทก์เป็นนายวงมีสิทธิได้เงินจากลูกวงคนอื่นก่อนโดยไม่ต้องประมูลและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ต้องเป็นผู้รวบรวมเงินจากลูกวงเอาไปให้กับผู้ที่ประมูลได้ และผู้ประมูลได้ต้องทำสัญญากู้ให้แก่ลูกวงคนอื่นเป็นประกันการชำระหนี้โดยมอบให้โจทก์ไว้เพื่อเรียกเก็บเงินในภายหลัง เมื่อปรากฏว่าจำเลยประมูลแชร์ได้ ได้รับเงินไปแล้ว และได้ทำสัญญากู้มอบให้โจทก์ไว้แต่ครั้นผู้อื่นประมูลได้ จำเลยไม่ชำระเงินโจทก์ต้องชำระแทนไปโจทก์ก็มาฟ้องเรียกให้จำเลยชดใช้เงินและนำสืบว่ามูลหนี้ตามสัญญากู้เกิดจากการเล่นแชร์มิใช่การยืมเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาท - ผู้เสียหาย - อำนาจฟ้อง - การพิจารณาตามบุคคลทั่วไป
ภาพวาดและข้อความที่จำเลยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข้อความตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลา หรืออาจให้เข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ ส.ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาครั้งแรกจนถึงวันเกิดเหตุคดีนี้ เทศบาลเมืองยะลามีคณะเทศมนตรีสับเปลี่ยนกันถึง 7 ชุด มิใช่มีคณะเทศมนตรีชุดนี้เพียงชุดเดียว และในความผิดฐานหมิ่นประมาทอันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายเท่านั้น จึงยังไม่พอถือได้ว่า ส.และคณะเทศมนตรี เมืองยะลาเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้ โจทย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 326,328
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย และต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง
การกระทำซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย
จำเลยลงภาพวาดมีข้อความกำกับในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และมีสำนักงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยะลากล่าวหาว่ามีการทุจริตในเทศบาล แต่หนังสือพิมพ์ของจำเลยลงข่าวเหตุการณ์และจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ มิได้จำหน่ายเฉพาะในเมืองยะลา และข้อความนั้นไม่มีตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงหรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ทั้งในช่วงระยะปีเศษก่อน มีการโฆษณาภาพและข้อความนั้น เทศบาลเมืองยะลาก็มีการเปลี่ยนคณะเทศมนตรีถึง 7 ชุด คณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้นจึงไม่เป็นผู้เสียหายอันจะฟ้องร้องให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทได้
จำเลยลงภาพวาดมีข้อความกำกับในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และมีสำนักงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยะลากล่าวหาว่ามีการทุจริตในเทศบาล แต่หนังสือพิมพ์ของจำเลยลงข่าวเหตุการณ์และจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ มิได้จำหน่ายเฉพาะในเมืองยะลา และข้อความนั้นไม่มีตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงหรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ทั้งในช่วงระยะปีเศษก่อน มีการโฆษณาภาพและข้อความนั้น เทศบาลเมืองยะลาก็มีการเปลี่ยนคณะเทศมนตรีถึง 7 ชุด คณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้นจึงไม่เป็นผู้เสียหายอันจะฟ้องร้องให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินดาวน์เช่าซื้อ, ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน, การชำระด้วยเช็ค, ความเสียหายจากการใช้รถ
เงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ ตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ชัดว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คโจทก์ผู้ให้เช่าย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิด
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหาย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหาย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินดาวน์ที่ชำระด้วยเช็คที่โจทก์เรียกเก็บไม่ได้ และต้องรับผิดในค่าเสียหายจากการใช้รถ
เงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ชัดว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คโจทก์ผู้ให้เช่าย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิด
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่า โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่า โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ภาษีขาดอายุความ แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์รับวินิจฉัย ก็ไม่ทำให้เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีการค้าที่โจทก์ต้องชำระแล้วได้แจ้งการประเมินไปยังโจทก์ตามแบบแจ้งจำนวนเงินภาษีการค้าโดยผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดเป็นผู้นำไปส่งที่บ้านโจทก์แต่ไม่พบโจทก์จึงส่งให้คนในบ้านโจทก์รับแทน แม้จะไม่ได้ส่งแบบแจ้งจำนวนเงินภาษีการค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ แต่ต่อมาโจทก์ได้รับกับเจ้าพนักงานว่าโจทก์ได้ทราบการประเมินตามที่เจ้าพนักงานได้แจ้งไปแล้ว จึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินแล้วตั้งแต่วันที่รับกับเจ้าพนักงาน โจทก์ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากรมาตรา 30 แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ ก็หามีผลให้อุทธรณ์นั้นกลายเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาไม่ เท่ากับโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ภาษีการค้าเกินกำหนด 30 วัน ทำให้สิทธิอุทธรณ์และฟ้องคดีไม่มีผล แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะรับเรื่อง
เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีการค้าที่โจทก์ต้องชำระแล้วได้แจ้งการประเมินไปยังโจทก์ตามแบบแจ้งจำนวนเงินภาษีการค้าโดยผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดเป็นผู้นำไปส่งที่บ้านโจทก์แต่ไม่พบโจทก์จึงส่งให้คนในบ้านโจทก์รับแทน แม้จะไม่ได้ส่งแบบแจ้งจำนวนเงินภาษีการค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ แต่ต่อมาโจทก์ได้รับกับเจ้าพนักงานว่าโจทก์ได้ทราบการประเมินตามที่เจ้าพนักงานได้แจ้งไปแล้ว จึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินแล้วตั้งแต่วันที่รับกับเจ้าพนักงาน โจทก์ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด 30 วันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 30 แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ ก็หามีผลให้อุทธรณ์นั้นกลายเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาไม่ เท่ากับโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินบริคณห์เพื่อชำระหนี้ส่วนตัว จำเป็นต้องแยกทรัพย์สินก่อน
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้โดยอ้างว่าจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว ไม่ผูกพันทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างโจทก์ก็ยึดทรัพย์พิพาทโดยไม่ร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยเสียก่อนไม่ได้ ศาลจึงต้องรับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไว้พิจารณาจะสั่งยกคำร้องเสียเลยหาได้ไม่