คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิชัย รชตะนันทน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันและหนี้ที่ไม่มีมูล: สัญญาไม่สมบูรณ์บังคับคดีไม่ได้
จำเลยทำหนังสือกู้เงินและค้ำประกันให้โจทก์เพื่อเป็นประกันการที่จำเลยให้โจทก์ค้ำประกันการที่จำเลยกู้เงิน น. ดังนี้เป็นสัญญาที่ไม่สมบูรณ์ไม่มีมูลหนี้ต่อกันโจทก์ฟ้องบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ศาลใช้สำนวนสอบสวนหรือพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้
การพิจารณาของศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 อาจพิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือศาลอาจออกนั่งพิจารณาฟังพยานหลักฐานอีกก็ชอบที่จะทำได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่738-740/0)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: พิจารณาจากสำนวนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้
การพิจารณาของศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 107 อาจพิจารณาจากสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือศาลอาจออกนั่งพิจารณาฟังพยานหลักฐานอีกก็ชอบที่จะทำได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 738-740/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ว่าฯ สั่งพ้นสมาชิกสภาจังหวัด เหตุขาดคุณสมบัติและความชอบธรรมในการเลือกตั้งแทน
ตาม พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ.2482 มาตรา 18 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 19 ความรู้ของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นคุณสมบัติตามมาตรา 19 และตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ.2498 มาตรา 12(4). สมาชิกสภาแห่งสภาจังหวัดย่อมสิ้นสุดลงเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้สอบสวนแล้วสั่งให้ออกโดยปรากฏว่าต่อมาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ การขาดคุณสมบัติในมาตรานี้มีความหมายรวมทั้งการไม่มีคุณสมบัติมาตรา 19 ด้วย ดังนั้นเมื่อปรากฏว่า ส. ซึ่งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดมีพื้นความรู้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด จำเลย ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจสั่งให้ ส. ออกจากสมาชิกสภาจังหวัดได้ จำเลยที่ 1 สั่งเช่นนั้นโดยได้ตั้งกรรมการสอบสวนและได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยและกรมอัยการแล้ว จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปโดยรอบคอบแล้ว มิได้ประมาทเลินเล่อหรือจงใจให้ผู้ใดเสียหายเมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดว่างลงเพราะผลแห่งคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็ต้องมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 90 วัน ตามที่ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ.2498 มาตรา 8 ได้บัญญัติไว้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้หากผู้ที่ต้องพ้นตำแหน่งไปได้ฟ้องคดีต่อศาลก็ให้ระงับการเลือกตั้งไว้รอฟังผลแห่งคดีเสียก่อน การที่จำเลยที่ 1 สั่งให้มีการเลือกตั้งและจำเลยที่ 1 ที่ 3 ดำเนินการเลือกตั้งไปโดยไม่รอฟังผลที่ ส. ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เป็นละเมิดต่อผู้ใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเช่าที่ดิน, การเปลี่ยนแปลงนิติบุคคลของหน่วยงานรัฐ, และการประวิงคดี
การที่จำเลยเช่าที่ดินบริเวณสวนลุมพินีกับเทศบาลนครกรุงเทพโจทก์คราวละ 1 ปีนั้น เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ หากเช่าเกินกว่า 1 ปี ต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยก่อน เช่นนี้ เป็นการแสดงอยู่ในตัวแล้วว่ากระทรวงมหาดไทยให้โจทก์มีอำนาจให้เช่าที่พิพาทได้คราวละ 1 ปี โจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยเช่าที่พิพาทได้ เมื่อโจทก์มีสิทธิให้เช่าแล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าตามสัญญาได้
เดิมเทศบาลนครกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย แต่ในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2514 ให้รวมเทศบาลนครกรุงเทพและเทศบาลนครธนบุรี จัดตั้งเป็นเทศบาลนครหลวงประกาศของคณะปฏิวัติมีสภาพเป็นกฎหมายและตามประกาศฉบับนี้ ข้อ 6 ให้เทศบาลนครหลวงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาล และข้อ 13 ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยเทศบาล กฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งเกี่ยวกับเทศบาลมาใช้บังคับแก่เทศบาลนครหลวงโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ และคำว่าเทศบาลในกฎหมายดังกล่าวให้หมายรวมถึงเทศบาลนครหลวงด้วย เช่นนี้ตามข้อบัญญัติแห่งประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวย่อมแปลได้ว่าเทศบาลนครหลวงเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 เมื่อรวมเทศบาลนครกรุงเทพ เทศบาลนครธนบุรี เป็นเทศบาลนครหลวงแล้วสิทธิและหน้าที่ของเทศบาลนครกรุงเทพที่ได้ทำไว้แต่เดิมจึงเปลี่ยนมาเป็นของเทศบาลนครหลวงเทศบาลนครหลวงจึงมีสิทธิดำเนินคดีต่อจากเทศบาลนครกรุงเทพได้ อนึ่ง ปรากฏต่อมาว่าขณะที่คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เทศบาลนครหลวงได้ถูกยุบยกเลิกไปโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 โดยได้มีการจัดระเบียบบริหารใหม่ให้เป็นกรุงเทพมหานคร และให้ถือเป็นจังหวัดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 48 มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยให้โอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้ฯลฯ ของเทศบาลนครหลวงไปเป็นของกรุงเทพมหานครซึ่งมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารตามนโยบายของรัฐบาล ฯลฯ จึงถือได้ว่ากรุงเทพมหานครเป็นนิติบุคคล กรุงเทพมหานครโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงมีสิทธิดำเนินคดีต่อจากเทศบาลนครหลวงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า, นิติสัมพันธ์เทศบาล/กรุงเทพมหานคร, การประวิงคดี และค่าเสียหายจากการ占ครองพื้นที่
การที่จำเลยเช่าที่ดินบริเวณสวนลุมพินีกับเทศบาลนครกรุงเทพโจทก์คราวละ 1 ปีนั้น เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ หากเช่าเกินกว่า 1 ปี ต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยก่อน เช่นนี้เป็นการแสดงอยู่ในตัวแล้วว่ากระทรวงมหาดไทยให้โจทก์มีอำนาจให้เช่าที่พิพาทได้คราวละ 1 ปี โจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยเช่าที่พิพาทได้เมื่อโจทก์มีสิทธิให้เช่าแล้วโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าตามสัญญาได้
เดิมเทศบาลนครกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย แต่ในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นได้มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 25 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2514 ให้รวมเทศบาลนครกรุงเทพและเทศบาลนครธนบุรี จัดตั้งเป็นเทศบาลนครหลวง ประกาศของคณะปฏิวัติมีสภาพเป็นกฎหมายและตามประกาศฉบับนี้ข้อ 6 ให้เทศบาลนครหลวงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาล และข้อ 13 ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยเทศบาล กฏกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งเกี่ยวกับเทศบาลมาใช้บังคับแก่เทศบาลนครหลวงโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับประกาศของ คณะปฏิวัติฉบับนี้ และคำว่าเทศบาลในกฎหมายดังกล่าวให้หมายรวมถึงเทศบาลนครหลวงด้วย เช่นนี้ตามข้อบัญญัติแห่งประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวย่อมแปลได้ว่าเทศบาลนครหลวงเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 เมื่อรวมเทศบาลกรุงเทพ เทศบาลธนบุรี เป็นเทศบาลนครหลวงแล้วสิทธิและหน้าที่ของเทศบาลนครกรุงเทพที่ได้ทำไว้แต่เดิมจึงเปลี่ยนมาเป็นของเทศบาลนครหลวง เทศบาลนครหลวงจึงมีสิทธิดำเนินคดีต่อจากเทศบาลนครกรุงเทพได้ อนึ่ง ปรากฏต่อมาว่าขณะที่คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เทศบาลนครหลวงได้ถูกยุบเลิกไปโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ได้มีการจัดระเบียบบริหารใหม่ให้เป็นกรุงเทพมหานคร และให้ถือเป็นจังหวัดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 48 มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยให้โอนกิจการทรัพย์สิน หนี้ ฯลฯ ของเทศบาลนครหลวงไปเป็นของกรุงเทพมหานครซึ่งมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารตามนโยบายของรัฐบาล ฯลฯ จึงถือได้ว่ากรุงเทพมหานครเป็นนิติบุคคล กรุงเทพมหานครโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงมีสิทธิดำเนินคดีต่อจากเทศบาลนครหลวงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกัน - สัญญาที่ถูกแก้ไขโดยไม่ได้รับความยินยอม - ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
มีผู้แก้ไขจำนวนเงินในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันให้สูงขึ้นโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันไม่รู้เห็นยินยอมด้วยสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นหาเสียไปทั้งฉบับเพราะการปลอมแปลงดังกล่าวไม่จำเลยต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่แท้จริงที่ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสัญญาและการรับผิดของผู้แทน แม้การลงนามไม่ครบถ้วน
กรรมการบริษัทลงชื่อและประทับตราไม่ครบตามข้อบังคับของบริษัท แต่จำเลยให้การรับว่าได้ชำระค่าน้ำมันตามสัญญาแล้ว เท่ากับยอมรับว่าได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ส่วนกรรมการบริษัทจำเลยซึ่งมีข้อสัญญาว่าผู้แทนที่ลงชื่อในสัญญาต้องรับผิดด้วย ผู้แทนนั้นก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีไม้แปรรูป
ความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 48,73 นั้น เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงนี้โจทก์มิได้นำสืบเลย ก็ไม่มีทางทราบได้ว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้หรือไม่ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้ ประกาศของรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไม่เป็นกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไป
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องก็ริบไม้ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานก่อนพิพากษาคดี: ศาลอุทธรณ์สั่งย้อนสำนวนเพื่อสืบพยานใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาคดีไป แม้คู่ความไม่โต้แย้งคำสั่งให้งดสืบพยาน ก็เป็นการพิจารณาผิดพลาด ศาลอุทธรณ์สั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ได้
of 44