พบผลลัพธ์ทั้งหมด 521 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสร้างทางหลวงและการเวนคืนที่ดิน: การขุดคูไม่เป็นการละเมิดสิทธิใช้ถนน
ที่ดินที่ขุดคูพิพาทเป็นที่ดินที่ถูกเวนคืนมาเป็นของรัฐบาลเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการสร้างทางหลวงบนที่ดินที่ถูกเวนคืนนั้นเพื่อประโยชน์การจราจรสาธารณะทางบกได้ ซึ่งรวมถึงการทำรางระบายน้ำ รองน้ำ กำแพงกั้นดิน ฯลฯ ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2482 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2497 มาตรา 3 แม้การขุดคูของจำเลยทั้งสามขวางหน้าที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่ได้ความสะดวกที่จะใช้ถนนแต่สิทธิในการใช้ถนนกับความไม่สะดวกในการใช้ถนนเป็นคนละอย่าง คนละเรื่องกัน หากโจทก์ขัดข้องไม่ได้ความสะดวกเกี่ยวกับการใช้อย่างไรก็ชอบที่จะปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2482 เมื่อจำเลยไม่เคยหวงห้ามโจทก์มิให้ใช้ถนน และการขุดคูก็ได้ทำไปเพื่อประโยชน์แก่งานทางหลวงเพราะเป็นความจำเป็นเพื่อทดแทนทางน้ำเดิมที่สูญไป การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับการใช้ถนนหลวง และไม่ต้องด้วย ป.พ.พ.มาตรา 1337 โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยกลบคูคลองที่จำเลยขุดขึ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้จ้างเหมาต่อความเสียหายจากการก่อสร้างใกล้เคียง: หลักมาตรา 428
จำเลยทั้งสามกับ จ.จ้างเหมาให้ ฮ.สร้างตึกแถวให้คนละห้อง โดยต่างคนต่างจ้างและแยกกันทำสัญญาคนละฉบับ ฮ.ตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างตึกแถวดังกล่าว ทำให้ตึกของโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ข้างเคียงสั่นสะเทือนและแตกร้าวเมื่อจำเลยเป็นผู้เลือกหาผู้รับจ้าง และการก่อสร้างก็ต้องเป็นไปตามการงานที่จำเลยสั่งให้ทำตามข้อบังคับในสัญญาจ้าง จำเลยจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้อง จ. ด้วย ศาลย่อมให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดเพียง 3 ใน 4 ของจำนวนค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้จ้างเหมาต่อความเสียหายจากการก่อสร้าง ความรับผิดเกิดจากการตอกเสาเข็มกระทบต่อทรัพย์สินข้างเคียง
จำเลยทั้งสามกับ จ.จ้างเหมาให้ ฮ.สร้างตึกแถวให้คนละห้องโดยต่างคนต่างจ้างและแยกกันทำสัญญาคนละฉบับ ฮ.ตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างตึกแถวดังกล่าว ทำให้ตึกของโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ดินข้างเคียงสั่นสะเทือนและแตกร้าว เมื่อจำเลยเป็นผู้เลือกหาผู้รับจ้างและการก่อสร้างก็ต้องเป็นไปตามการงานที่จำเลยสั่งให้ทำตามข้อบังคับในสัญญา จ้าง จำเลยจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้อง จ.ด้วยศาลย่อมให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดเพียง 3 ใน 4 ของจำนวนค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาซื้อขายไม้: เมื่อสัญญาเป็นโมฆะ ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ได้
ในคดีก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งทำกันไว้คือให้โจทก์ชำระหนี้ค่าไม้เป็นเงิน 58,000 บาทแก่จำเลย พร้อมกับมารับโอนกรรมสิทธิ์ไม้ตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่า สัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิ (ให้อีกฝ่าย) ปฏิบัติการชำระหนี้ แต่จำเลยในฐานะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คือไม่ส่งมอบไม้ทั้งหมดแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ภายในเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้ไม้เสื่อมคุณภาพใช้ประโยชน์ไม่ได้การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกปัดไม่รับมอบไม้ทั้งหมดจากจำเลย ถือว่าเป็นการได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับโจทก์ให้รับไม้และให้ชำระเงินแก่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจนบัดนี้โจทก์ยังไม่ได้รับไม้จากจำเลยตามสัญญาเพราะไม้ผุเน่าไปหมด จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามสัญญาโดยชำระเป็นเงินค่าไม้แทนคิดเป็นเงิน 203,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ซึ่งเคยเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม กล่าวคือ เมื่อก่อนทำสัญญาอยู่ในฐานะอย่างไร ก็ให้คู่สัญญากลับไปอยู่ในฐานะอย่างนั้นประดุจว่าไม่เคยมีนิติกรรมเกิดขึ้นในระหว่างคู่กรณีเนื่องจากโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาก่อนที่จะได้มีการชำระหนี้ต่อกันฉะนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องคืนต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าไม้แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาซื้อขายไม้และการกลับสู่สถานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งทำกันไว้คือให้โจทก์ชำระหนี้ค่าไม้เป็นเงิน 58,000 บาท แก่จำเลยพร้อมกับมารับโอนกรรมสิทธิ์ไม้ตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่าสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิ (ให้อีกฝ่าย) ปฏิบัติการชำระหนี้แต่จำเลยในฐานะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คือไม่ส่งมอบไม้ทั้งหมดแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ภายในเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้ไม้เสื่อมคุณภาพใช้ประโยชน์ไม่ได้การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกปัดไม่รับมอบไม้ทั้งหมดจากจำเลยถือว่าเป็นการได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับโจทก์ให้รับไม้และให้ชำระเงินแก่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลยโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจนบัดนี้โจทก์ยังไม่ได้รับไม้จากจำเลยตามสัญญาเพราะ ไม้ผุเน่าไปหมด จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามสัญญาโดยชำระเป็นเงินค่าไม้แทนคิดเป็นเงิน 203,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้เมื่อโจทก์ซึ่งเคยเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่ เดิมกล่าวคือเมื่อก่อนทำสัญญาอยู่ในฐานะอย่างไรก็ให้คู่สัญญากลับไปอยู่ในฐานะอย่างนั้นประดุจว่าไม่เคยมีนิติกรรมเกิดขึ้นในระหว่างคู่กรณี เนื่องจากโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาก่อนที่จะได้มีการชำระหนี้ต่อกัน ฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องคืนต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าไม้แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้อง: ผลกระทบต่อลูกหนี้ที่ไม่ได้รับแจ้งหรือยินยอม
โอนสิทธิเรียกร้องโดยไม่บอกกล่าวลูกหนี้หรือลูกหนี้มิได้ยินยอมด้วย มิใช่ว่าการโอนนั้นไม่สมบูรณ์ เป็นแต่ยกขึ้นต่อสู้ลูกหนี้มิได้เท่านั้น
จำเลยให้การว่าโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องมาหรือไม่จำเลยไม่รับรอง ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าหนังสือโอนหนี้ไม่ถูกต้องเพราะกรรมการลงชื่อไม่ครบตามข้อบังคับไม่ได้
จำเลยให้การว่าโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องมาหรือไม่จำเลยไม่รับรอง ดังนี้ จำเลยจะฎีกาว่าหนังสือโอนหนี้ไม่ถูกต้องเพราะกรรมการลงชื่อไม่ครบตามข้อบังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วนคดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้ แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริงแต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกร้องค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วน คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริง แต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่าสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมโจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของหรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่าสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมโจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของหรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด และอำนาจศาลในการวินิจฉัยประเด็นนอกคำขอ
จำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้แพ้คดีแล้ว ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัดและได้อ้างเหตุแห่งการยื่นคำร้องล่าช้ามาด้วยศาลชั้น ต้นเห็นว่าคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างเหตุนอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ที่ทำให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดี ใหม่ล่าช้าสั่งยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวนจำเลยอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการส่งคำบังคับตามคำพิพากษาเป็นไปโดยไม่ชอบจึงถือเสมือนยังไม่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไปดังนี้แม้จำเลยมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับ เป็นไปโดยชอบหรือไม่ มาแต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมเมื่อศาลอุทธรณ์
เห็นสมควรย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เองโดยคู่ความมิต้องยกขึ้นมาว่ากล่าวไว้เลยและคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียวการที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนจึงมีคำสั่งใหม่ย่อมเป็นการชอบแล้ว
เห็นสมควรย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เองโดยคู่ความมิต้องยกขึ้นมาว่ากล่าวไว้เลยและคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียวการที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนจึงมีคำสั่งใหม่ย่อมเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่และการแก้ไขข้อผิดพลาดในการส่งคำบังคับตามคำพิพากษา
จำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้แพ้คดีแล้ว ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด และได้อ้างเหตุแห่งการยื่นคำร้องล่าช้ามาด้วย ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างเหตุนอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ที่ทำให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ล่าช้า สั่งยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน จำเลยอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า การส่งคำบังคับตามคำพิพากษาเป็นไปโดยไม่ชอบ จึงถือเสมือนยังไม่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับเป็นไปโดยชอบหรือไม่ มาแต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควร ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เอง โดยคู่ความมิต้องยกขึ้นมาว่ากล่าวไว้เลย และคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียว การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อน จึงมีคำสั่งใหม่ ย่อมเป็นการชอบแล้ว