พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับผลการตรวจลายมือชื่อของผู้เชี่ยวชาญตามคำท้าของคู่ความ ถือเป็นการผูกพันตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ให้ศาลส่งลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้กับลายเซ็นซึ่งจำเลยเซ็นต่อหน้าศาลและในใบแต่งทนายไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ถ้าผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อของจำเลยจริง จำเลยยอมแพ้คดี ถ้าไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยโจทก์ยอมแพ้คดี ศาลส่งเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าลายมือชื่อในเอกสารเหล่านั้นเป็นของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นการสมตามคำท้าของโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278-2279/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของหุ้นส่วนผู้จัดการในการรักษาสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโรงงานฆ่าสัตว์ โจทก์เป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนและอาศัยอยู่ในโรงงานฆ่าสัตว์ ซึ่งเป็นสำนักงานของห้างหุ้นส่วน จำเลยให้โจทก์ออกจากงาน จำเลยกับพวกไปที่โรงงานยื่นบันทึกให้โจทก์ส่งมอบเงินกับบัญชีและอายัดทรัพย์ปิดไว้ที่ตู้เซฟ ประตูห้องโจทก์ และเอาไม้ตีประตูชั้นล่างของโรงงาน เพราะเกรงว่าจะมีสิ่งของหายไป เช่นนี้จำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2184/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้รับมรดกความในชั้นบังคับคดี: พิจารณาบุคคลที่สมควรที่สุดไม่ใช่เพียงผู้เกี่ยวข้อง
จำเลยมรณะในระหว่างที่การบังคับคดีตามคำพิพากษายังไม่เสร็จสิ้นกรณีเป็นเรื่องที่ว่าสมควรจะแต่งตั้งผู้ใดเป็นผู้รับมรดกความแทนจำเลยเพื่อบังคับคดีให้เสร็จสิ้นไป แม้ผู้คัดค้านจะเป็นบุตรซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งของจำเลย และได้เคยเข้ามาเกี่ยวข้องโต้เถียงสิทธิที่มีอยู่ของผู้คัดค้านในชั้นบังคับคดีนี้อยู่ก่อนก็ตาม แต่เมื่อผู้คัดค้านปฏิเสธไม่ยอมรับมรดกความ และปรากฏว่ายังมีทายาทอื่นเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยอยู่เช่นนี้ กรณีจึงไม่เป็นการสมควรที่จะแต่งตั้งผู้คัดค้านเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2164/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเบิกเงินเกินบัญชีที่สมบูรณ์ และประเด็นข้อต่อสู้ที่มิได้ยกขึ้นในคำให้การ
โจทก์บรรยายในคำฟ้องมีข้อความชัดเจนว่า จำเลยได้เปิดบัญชีเดินสะพัดเงินฝากกระแสรายวันไว้กับโจทก์ และได้ตกลงขอเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์. แล้วจำเลยได้นำเงินสดและเช็คเข้าฝากและสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินจากบัญชีเป็นการหมุนเวียนเดินสะพัดเรื่อยมา เมื่อตัดทอนแล้วเป็นหนี้โจทก์จำนวนหนึ่ง ขอให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าว ดังนี้ คำฟ้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น แม้โจทก์จะมิได้กล่าวถึงเช็คที่อ้างว่าจำเลยสั่งจ่ายเงินเป็นเช็คเลขที่เท่าใด เมื่อใด ก็เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยพาคนมาฝากเงินได้รับค่านายหน้าแล้วโจทก์จะนำไปหักหนี้ของจำเลย จำเลยจึงไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในหนี้สินที่จำเลยเบิกเงินเกินบัญชี มิได้ฟ้องว่ากรรมการผู้จัดการธนาคารโจทก์อนุญาตให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีเกินขอบอำนาจ ทำให้โจทก์เสียหาย จึงไม่มีข้อต้องพิจารณาว่าการกระทำของกรรมการผู้จัดการธนาคารโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันจำเลยจะไม่ต้องรับผิด
การที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยพาคนมาฝากเงินได้รับค่านายหน้าแล้วโจทก์จะนำไปหักหนี้ของจำเลย จำเลยจึงไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ นั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ให้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในหนี้สินที่จำเลยเบิกเงินเกินบัญชี มิได้ฟ้องว่ากรรมการผู้จัดการธนาคารโจทก์อนุญาตให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีเกินขอบอำนาจ ทำให้โจทก์เสียหาย จึงไม่มีข้อต้องพิจารณาว่าการกระทำของกรรมการผู้จัดการธนาคารโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันจำเลยจะไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจากภริยา สามีรู้เห็นยินยอม ถือเป็นหนี้ร่วมบังคับคดีได้
หนี้ที่ภริยากู้เงินมาให้สามีใช้สอยในครัวเรือนโดยสามีรู้เห็นยินยอม เป็นหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูในครอบครัวอันเป็นหนี้ร่วมตาม มาตรา 1482(1) โจทก์ยึดบ้านซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้ร้องบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้ร้องกับจำเลยจดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์โดยสมยอมหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีว่าลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกัน ไม่ใช่ผู้กู้จริง มีสิทธิพิสูจน์ได้ว่าไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ได้มอบตราจองที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แล้วจำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า น้องสาวและน้องเขยของจำเลยกู้เงินโจทก์ 14,000 บาท ได้นำตราจองไปให้โจทก์ยึดถือไว้ เนื่องจากจำเลยและน้องสาวของจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตราจองดังกล่าว จำเลยจึงลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกันหนี้ของน้องสาวและน้องเขย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญาเพื่อแสดงว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ประการหนึ่ง และหนี้เงินกู้ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลยอีกประการหนึ่ง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15 และ 16/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
คดีฟ้องขับไล่จากที่ดินและอาคารที่เช่าเดือนละ 300 บาทเรียกค่าเสียหาย 1,180 บาท และต่อไปเดือนละ 1,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่าสามีโจทก์ตกลงให้เช่า 20 ปีและชำระค่าก่อสร้าง จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ฉบับที่ 5 พ.ศ.2499 มาตรา 15 ที่ใช้อยู่ในเวลายื่นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีความมั่นคง – การคุ้มครองข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณานำสืบตัวจำเลยบางคนเป็นการลับและห้ามการโฆษณาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความปลอดภัยมั่นคงของราชอาณาจักร ศาลไม่กล่าวถึงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ บุคคลและสถานที่ๆ เกี่ยวข้องไว้ในคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องในคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง