คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพจน์ ถิระวัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนตัวจากตำแหน่งผู้จัดการมรดกและการจำหน่ายคดีเมื่อมีการตกลงกับคู่กรณี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ร้องคัดค้านฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าไม่มีความประสงค์จะเป็นผู้จัดการมรดกคดีนี้ต่อไป เพราะได้ตกลงกับผู้ร้องคัดค้านเรียบร้อยแล้ว ขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดก และขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องคัดค้านไม่คัดค้านคำร้องนี้ ศาลฎีกาสั่งคำร้องนี้ว่าไม่มีคำฟ้องชั้นฎีกาที่จะถอน เพราะผู้ร้องไม่ได้ฎีกาและจะขอถอนคำร้องขอจัดการมรดกนั้นก็ไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาไปแล้ว เมื่อคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวนี้ผู้ร้องยังได้ร้องขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้อีกด้วย อันแสดงว่าผู้ร้องไม่ประสงค์จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกต่อไปและขอถอนตนจากตำแหน่งผู้จัดการมรดก ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งคำขอนี้ได้ด้วย เมื่อรับฟังได้ตามที่อ้างในคำร้องกรณีก็มีเหตุอันสมควรศาลฎีกาย่อมอนุญาตให้ผู้ร้องลาออกจากการเป็นผู้จัดการ มรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 วรรค 2 และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องคัดค้านที่ฎีกามาว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกนั้นอีก ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดีของหุ้นส่วน การถอนอำนาจต้องทำโดยเสียงข้างมาก สิทธิการเป็นโจทก์
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วน 5 คนรวมทั้ง อ. ได้ร่วมกันลงชื่อในใบมอบอำนาจให้ พ. ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของหุ้นส่วนตามสัญญาเข้าหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ย่อมถือว่า พ. ฟ้องคดีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญเพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนหาใช่ฟ้องคดีแทนผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะไม่ฉะนั้น หากจะมีการถอนการมอบอำนาจให้ พ. เป็นโจทก์ฟ้องคดี ก็ชอบที่จะกระทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกันขอถอนหรือกระทำโดยเสียงข้างมาก ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยจะขอถอนใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งเป็นเสียงข้างมากมิได้ยินยอมด้วยหาได้ไม่ฉะนั้น การที่ อ. ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวยื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ มิได้ยินยอมด้วย จึงหาทำให้การมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจ เสียไปไม่และหามีผลทำให้ อ. กลับเข้ามาเป็นโจทก์ด้วยตนเองไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะพ.ขอถอนฟ้องแม้ อ. จะได้ยื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจไว้ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีก็ตามอ. ก็ไม่มีสิทธิขอเป็นโจทก์ดำเนินคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดีของหุ้นส่วน: ถอนอำนาจต้องทำโดยเสียงข้างมาก ห้ามโต้แย้งหลังจำหน่ายคดี
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วน 5 คนรวมทั้ง อ.ได้ร่วมกันลงชื่อในใบมอบอำนาจให้ พ.ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของหุ้นส่วนตามสัญญาเข้าหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ย่อมถือว่า พ.ฟ้องคดีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญเพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคน หาใช่ฟ้องคดีแทนผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะไม่ ฉะนั้นหากจะมีการถอนการมอบอำนาจให้ พ.เป็นโจทก์ฟ้องคดี ก็ชอบที่จะกระทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกันขอถอนหรือกระทำโดยเสียงข้างมาก ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยจะขอถอนใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งเป็นเสียงข้างมากมิได้ยินยอมด้วยหาได้ไม่ ฉะนั้น การที่ อ.ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวยื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ มิได้ยินยอมด้วย จึงหาทำให้การมอบอำนาจให้ พ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเสียไปไม่และหามีผลทำให้ อ.กลับเข้ามาเป็นโจทก์ด้วยตนเองไม่ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะ พ.ขอถอนฟ้อง แม้ อ.จะได้ยื่นคำร้องของถอนการมอบอำนาจไว้ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีก็ตาม อ.ก็ไม่มีสิทธิขอเป็นโจทก์ดำเนินคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขันพ.ศ.2488 มาตรา 4 ได้บัญญัติให้คณะกรรมการมีอำนาจวางระเบียบหรือห้ามการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งซึ่งสิ่งของควบคุมประกาศคณะกรรมการซึ่งได้วางระเบียบกำหนดการเคลื่อนย้ายโค กระบือหรือสุกรซึ่งมีชีวิตจากท้องที่อื่นๆ เข้าไปในเขตหรือการเคลื่อนย้ายออกนอกเขตแต่ละอำเภอจึงไม่นอกเหนือวัตถุประสงค์หรือขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้ตามหนังสือตอบรับทนายความ เจ้าหนี้ต้องปฏิบัติเงื่อนไขลูกหนี้
หนังสือลูกหนี้ตอบทนายความของเจ้าหนี้ยอมรับใช้หนี้จำนวนที่แจ้งไป โดยขอปฏิบัติตามที่ลูกหนี้กำหนดขึ้นขอให้เจ้าหนี้ช่วยให้ความสะดวก มิใช่จะใช้หนี้โดยมีเงื่อนไข ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้ซึ่งลูกหนี้ต้องชำระหนี้นั้นตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์โดยการเบียดบังข้าวเปลือกของผู้รับฝาก แม้เป็นสังกมะทรัพย์ก็ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกซึ่งเก็บไว้ในยุ้งของ ส.ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้จากโจทก์ร่วม จะนำไปส่งมอบให้ภายหลังดังนี้เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว เมื่อจำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งที่จำเลยเช่าไว้จึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยขนเอาข้าวเปลือกไปเสีย และปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยอยู่ในยุ้งดังกล่าวและจำเลยไม่เคยขายและรับฝากข้าว เปลือกจากโจทก์ร่วม เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ข้าวเปลือกจะเป็นสังกมะทรัพย์ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกันมี ปริมาณจำกัดแทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์จากสัญญาขายและรับฝาก: การเบียดบังข้าวเปลือกของผู้อื่นเป็นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกซึ่งเก็บไว้ในยุ้งของ ส. ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้จากโจทก์ร่วมจะนำไปส่งมอบให้ภายหลังดังนี้เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้วเมื่อจำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งที่จำเลยเช่าไว้ จึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วมเมื่อจำเลยขนเอาข้าวเปลือกไปเสียและปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยอยู่ในยุ้งดังกล่าว และจำเลยไม่เคยขายและรับฝากข้าวเปลือกจากโจทก์ร่วมเช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ข้าวเปลือกจะเป็นสังกมะทรัพย์ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกันมีปริมาณเท่ากัน แทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการรับผิดต่อการซื้อเชื่อของตัวแทน แม้ไม่ได้เชิดตัวแทนโดยตรง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการรับผิดในการกระทำของตัวแทน โดยฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เชิดและยินยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทน ไปซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์แล้วค้างชำระค่าสินค้าเหล่านั้น แม้ทางพิจารณาจะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดและยินยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนแต่เมื่อได้ความว่า ซ. ซึ่งเป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้ซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการย่อมต้องรับผิดค่าสินค้าต่อโจทก์ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีสินค้าไทยศิลาดลประกอบเป็นโคมไฟฟ้า: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นโคมไฟฟ้า ไม่ใช่ศิลปวัตถุ
โจทก์เป็นผู้ผลิตสินค้าไทยศิลาดลชนิดต่างๆ เพื่อขาย ได้เอาปลั๊ก สายไฟ โป๊ะไฟซึ่งใช้ผ้าไหมไทยทำด้วยมืออย่างประณีตมีราคาแพง ติดเข้ากับสินค้าไทยศิลาดลทำเป็นตะเกียงแล้วขายไปด้วยกัน โป๊ะกับคนโทศิลาดลมีราคาใกล้เคียงกันและโป๊ะมีราคามากกว่าคนโท เมื่อเอาเครื่องประกอบทองเหลืองเพื่อติดหลอดไฟรวมเข้ากับโป๊ะด้วยจะยิ่งมีราคามากขึ้นไปอีกจึงจะถือว่าสินค้าไทยศิลาดลของโจทก์เป็นทรัพย์ประธานเสมอไปหาได้ไม่ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏว่าได้มีการเจาะก้นแจกันศิลาดลเพื่อยึดโคมไฟฟ้าไว้ให้มั่นคงแข็งแรงสินค้าไทยศิลาดลของโจทก์ซึ่งได้ประกอบเข้ากันกับเครื่องไฟฟ้าและโป๊ะไฟ จึงเป็นแต่ชิ้นส่วนของโคมไฟฟ้า ทั้งตามเอกสารที่โจทก์อ้างมีภาพสินค้าไทยศิลาดลกับโป๊ะไฟด้วยกันและภาษาอังกฤษบรรยายประกอบ เห็นว่าเป็นภาพโฆษณาสินค้าไทยศิลาดลที่ทำเป็นโคมไฟฟ้าแบบราชวงศ์หมิงแบบขวดน้ำเต้าแบบหม้อชาหรือกาแฟลายมังกร แบบเทพนม แบบเศียรนาคแบบอื่นๆและแบบช้างฉะนั้นสินค้าไทยศิลาดลกับโป๊ะและเครื่องไฟฟ้าของโจทก์ซึ่งได้ประกอบเข้าด้วยกัน จึงไม่ได้เป็นศิลปวัตถุสำหรับดูเล่นเพื่อความสวยงามหรือเป็นเครื่องประดับแต่เป็นโคมไฟฟ้าตามความเป็นจริง โจทก์จึงต้องเสียภาษีประเภทการค้า 1 การขายของชนิด 3(ก) ร้อยละ 10 ของรายรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, ความรับผิดของผู้สลักหลัง, และดอกเบี้ยผิดนัด
จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 โจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินตามเช็ควันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 จึงไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้นต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940,967,989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วย
โจทก์เพิ่งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
of 59