คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพจน์ ถิระวัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามเช็ค: ผู้สั่งจ่าย, ผู้สลักหลัง, และผู้ขายลดเช็คต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
การที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 มีมูลหนี้ต่อโจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 3 ผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งทำสัญญาขายลดเช็คให้โจทก์ ก็ได้ให้คำรับรองต่อโจทก์ว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดขึ้นเงินไม่ได้ด้วยประการใด ๆ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดตามเช็ค: ผู้สั่งจ่าย, ผู้สลักหลัง, และผู้ขายลดเช็ค
การที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 มีมูลหนี้ต่อโจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 3 ผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งทำสัญญาขายลดเช็คให้โจทก์ ก็ได้ให้คำรับรองต่อโจทก์ว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดขึ้นเงินไม่ได้ด้วยประการใดๆ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัย: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากเจ้าของรถยนต์ไม่มีความสัมพันธ์ทางกฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของ ป. คดีได้ความแต่เพียงว่าความเสียหายเกิดเพราะ จ. ขับรถยนต์ของ ป. ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบให้รับฟังได้ว่า จ. ขับรถยนต์ของ ป. ไปในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับ ป. อันจะเป็นเหตุให้ ป. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของ จ. เมื่อ ป. ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนต่างด้าวซื้อที่ดินร่วมกับคนไทย การขายทอดตลาด และค่าเสียหายจากการรื้อถอนเรือน
โจทก์ที่ 1 และบิดามารดาจำเลยล้วนเป็นคนต่างด้าว ได้ร่วมกันออกเงินซื้อที่ดินพิพาทโดยใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์แทน ต่อมาบิดามารดาจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินร่วมของตนให้แก่โจทก์ที่ 1 ในราคา 19,000 บาท ดังนี้ การแบ่งที่ดินพิพาทบางส่วนให้เป็นของโจทก์ที่ 1 ไม่อาจทำได้ เพราะจะเป็นการบังคับให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ศาลชอบที่สั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินได้เงินเท่าใดแบ่งให้จำเลยในฐานะทายาท 19,000 บาท เงินส่วนที่เหลือเป็นของโจทก์
เรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จำเลยได้บอกให้ผู้อื่นรื้อเอาไป การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์ที่ 1 จะเป็นคนต่างด้าวไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ก็ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
จำเลยฎีกาว่า หากศาลจะฟังว่าต้องขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ก็ชอบที่จะต้องเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งกันตามส่วนที่ออกเงินซื้อ นั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินโดยคนต่างด้าว การละเมิด และค่าเสียหายจากการรื้อถอนเรือน
โจทก์ที่ 1 และบิดามารดาจำเลยล้วนเป็นคนต่างด้าว ได้ร่วมกันออกเงินซื้อที่ดินพิพาทโดยใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์แทน ต่อมาบิดามารดาจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ ที่ 1 ในราคา 19,000 บาท ดังนี้ การการแบ่งที่ดินพิพาทบางส่วนให้เป็นของโจทก์ที่ 1 ไม่อาจทำได้ เพราะจะเป็นการบังคับให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ศาลชอบที่จะสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินได้เงินเท่าใดแบ่งให้จำเลยในฐานะทายาท 19,000 บาท เงินส่วนที่เหลือเป็นของโจทก์
เรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จำเลยได้บอกให้ผู้อื่นรื้อเอาไปการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์ที่ 1 จะเป็นคนต่างด้าวไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ก็ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
จำเลยฎีกาว่า หากศาลจะฟังว่าต้องขายทอดตลาดที่ดินพิพาทก็ชอบที่จะต้องเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งกันตามส่วนที่ออกเงินซื้อ นั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การใหม่ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 18 ไม่สามารถอุทธรณ์ตามมาตรา 228(3) ได้
เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นพ้นกำหนด 8 วันแล้ว จำเลยหาได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นไม่ แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่มีเจตนาจงใจไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นครั้งใหม่ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามคำร้องนี้ไม่ใช่คำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่จำเลยจะใช้สิทธิตามมาตรา 228(3) อุทธรณ์ได้ แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งนั้นทันทีไม่ได้ตามมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ขยายระยะเวลายื่นฎีกาเนื่องจากความประมาทเลล่าของจำเลย แม้ทนายความถูกทำร้าย
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 แล้วยื่นคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารยังหาไม่พบจำเลยความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถายังจัดหาทนายคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที ขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน ดังนี้ จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ทำฎีกายื่น จนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิง จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วันก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกา เห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น ไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ ไม่สมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายระยะเวลายื่นฎีกา: เหตุสุดวิสัยที่ไม่สมควรรับฟัง
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 3 ตุลาคม 2518 แล้วยื่นคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2518 ว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 มีคนร้ายยิงทนายจำเลยได้รับอันตรายสาหัส ป่วยหนัก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล สำนวนและเอกสารยังหาไม่พบจำเลยความรู้น้อยไม่สามารถทำฎีกาด้วยตนเอง ทั้งเป็นคนยากจนได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถายังจัดหาทนายคนอื่นไม่ได้ทันท่วงที ขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาไปอีก 10 วัน ดังนี้ จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไม่ทำฎีกายื่น จนเวลาล่วงเลยไป 14 วัน ทนายของจำเลยจึงถูกคนร้ายยิง จากนั้นจำเลยมีเวลาหาทนายความคนอื่นและมีเวลาดำเนินการยื่นฎีกาอีก 15 วันก่อนขอขยายระยะเวลาฎีกา เห็นได้ว่าจำเลยเพิกเฉยมาแต่ต้น ไม่รีบแก้ไขเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแก่ทนายความของจำเลย กรณีไม่นับว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษ ไม่สมควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: ผู้รอรับของที่ได้จากการปล้น มีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยรอรับแบกกระสอบใส่ของที่คนร้ายปล้น อยู่ห่างจากสถานที่ปล้นประมาณ 3 เส้น อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดนั้น จำเลยจึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: ผู้รอรับของที่ได้จากการปล้นมีความผิดฐานสนับสนุน
จำเลยรอรับแบกกระสอบใส่ของที่คนร้ายปล้น อยู่ห่างจากสถานที่ปล้นประมาณ 3 เส้น อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดนั้น จำเลยจึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
of 59