คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพจน์ ถิระวัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัมปทานเดินรถทับซ้อน: การอนุญาตเดินรถของจังหวัดไม่ถือเป็นการแข่งขันละเมิดสิทธิสัมปทานของกรมขนส่ง
โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งให้ทำการขนส่งเดินรถยนต์โดยสารประจำทางตามพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497 ในเส้นทางสายที่ 1343 จากชัยภูมิ - ห้วยชัน ต่อมาจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์โดยสารในเส้นทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดง ทับเส้นทางเดินรถยนต์ประจำทางของโจทก์ตั้งแต่ตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิถึงทางแยกหน่วยขยายพันธุ์พืชชัยภูมิเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร รองอธิบดีกรมการขนส่งยืนยันว่าเส้นทางที่อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางนั้นอาจจะทับกันเป็นบางตอนหรือทับกันตลอดสายก็ได้ เส้นทางที่โจทก์จำเลยเดินรถยนต์ประจำทางทับกันบางตอนจึงเป็นทางร่วม ต่างมีสิทธิที่จะเดินทางเดียวกันได้ เมื่อทางจังหวัดตั้งกรรมการพิจารณาเรื่องราวให้สัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดง โจทก์เองก็ยื่นเรื่องราวขออนุญาตพร้อมกับจำเลยและบริษัทอื่นแต่คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ได้รับสัมปทานทั้งเส้นทางสายนี้ก็เป็นทางหลวงจังหวัด อยู่ในความควบคุมดูแลของจังหวัดชัยภูมิ มิใช่ทางที่กรมการขนส่งประกาศเป็นเส้นทางของกรมการขนส่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์ประจำทางในเส้นทางสายนี้ได้ แม้จะทับเส้นทางซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาตเป็นบางตอน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการแข่งขันกับโจทก์การที่จำเลยนำรถยนต์โดยสารเข้าวิ่งรับส่งคนโดยสารตามที่ได้รับอนุญาตจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความ ถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบแล้ว แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลยซึ่ง อายุเกิน 20 ปี ได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้ จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบ แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลย ซึ่งอายุเกิน 20 ปีได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างโจทก์จำเลยก่อน หากไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
ฟ้องโจทก์ได้ความแต่เพียงว่า เขตที่ดินตามโฉนดที่1498ของจำเลยไม่ถึงหลักเขตที่ปรากฏอยู่ และไม่ถึงเขตสุขาภิบาลใช้เป็นจุดวัดทางสาธารณะ การใช้จุดวัดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การรังวัดจากหลักเขตดังกล่าวรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ ทำให้ทางสาธารณะที่คั่นอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยร่นเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นอันมีผลให้กระทบกระเทือนถึงที่ดินของโจทก์ หาได้มีข้อความที่เกี่ยวกับจำเลยว่าได้กระทำการอันใดที่ทำให้ทางสาธารณะเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียหายไม่ต้องถือว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดินต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างโจทก์จำเลย การบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นไม่ถือเป็นข้อโต้แย้ง
ฟ้องโจทก์ได้ความแต่เพียงว่า เขตที่ดินตามโฉนดที่1498 ของจำเลยไม่ถึงหลักเขตที่ปรากฏอยู่ และไม่ถึงเขตสุขาภิบาลใช้เป็นจุดวัดทางสาธารณะ การใช้จุดวัดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การรังวัดจากหลักเขตดังกล่าวรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ ทำให้ทางสาธารณะที่คั่นอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยร่นเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นอันมีผลให้กระทบกระเทือนถึงที่ดินของโจทก์ หาได้มีข้อความที่เกี่ยวกับจำเลยว่าได้กระทำการอันใดที่ทำให้ทางสาธารณะเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียหายไม่ ต้องถือว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ยึดพืชผล: ศาลฎีกาพิพากษายืนคำสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ เนื่องจากผู้ร้องพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงยึดพืชผลที่จำเลยปลูกในที่ดินนั้นที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่าที่ดินที่ปลูกพืชผลเป็นของผู้ร้องมิใช่ที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ หาเป็นประเด็นในคดีร้องขัดทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันมีอายุจำกัด ความรับผิดของผู้ค้ำประกันสิ้นสุดเมื่อพ้นระยะเวลาค้ำประกัน แม้จำเลยที่ 1 จะผูกพันจำเลยที่ 2 ไว้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจะชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1ในเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ในระหว่างระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ภายหลังระยะเวลาดังกล่าว โจทก์ก็ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและการจดทะเบียนกรรมการที่ไม่ชอบ
คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 เพื่อเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ แต่ ม. กรรมการคนหนึ่งกลับเรียกประชุมใหญ่ในวันที่ 22 เดือนเดียวกัน อ้างว่า ทำตามคำร้องของผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ยื่นเรื่องราวให้คณะกรรมการพิจารณาก่อน ถึงวันที่ 22 ส. ประธานกรรมการและกรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทได้พากันไปยังที่ประชุม แจ้งขอระงับการประชุมในวันนั้นโดยให้ไปประชุมกันในวันที่ 28 ตามที่นัดไว้แล้ว ม. ก็รับคำครั้นส. กับพวกกรรมการกลับไปแล้ว ม. กลับจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นอีก โดยให้ ท. ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทเป็นประธานที่ประชุม และที่ประชุมลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ครั้นวันที่ 28 ได้มีการประชุมใหญ่กันอีกครั้งหนึ่ง ที่ประชุมไม่ยอมรับรองรายงานการประชุมวันที่ 22 ดังนี้ แม้ที่ประชุมวันที่ 22 จะได้ลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ เพราะกรรมการส่วนใหญ่สั่งระงับการประชุมในวันนั้นเสียแล้ว ท. กับพวกจึงมิใช่กรรมการของบริษัท การที่นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทรับจดทะเบียน ท. กับพวกเป็นกรรมการของบริษัท จึงเป็นการไม่ชอบบริษัทมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้ กรณีไม่อยู่ในบังคับมาตรา 1195 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะต้องฟ้องเพิกถอนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันลงมติ
กรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทสั่งระงับการประชุมใหญ่เสียก่อนเริ่มลงมือประชุมโดยให้ไปประชุมกันในวันอื่นตามที่นัดไว้หาจำต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมตามที่ บัญญัติไว้ในมาตรา 1181 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ เพราะมิใช่เริ่มลงมือประชุมและมีผู้นั่งเป็นประธานแล้วจึงได้มีการเลื่อนการประชุมไปเวลาอื่น
ฎีกาที่ว่า การเลือกตั้งกรรมการของบริษัทในคราวประชุมใหญ่วันที่ 28 หากมีการนับคะแนนเสียงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและตามกฎหมายแล้ว กรรมการชุดของ ท. เป็นประธานจะได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับการประชุมผู้ถือหุ้นและการจดทะเบียนกรรมการที่ไม่ชอบ การเพิกถอนการจดทะเบียน
คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 เพื่อเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ แต่ ม.กรรมการคนหนึ่งกลับเรียกประชุมใหญ่ในวันที่ 22 เดือนเดียวกัน อ้างว่าทำตามคำร้องของผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ยื่นเรื่องราวให้คณะกรรมการพิจารณาก่อน ถึงวันที่ 22 ส. ประธานกรรมการและกรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทได้พากันไปยังที่ประชุม แจ้งขอระงับการประชุมในวันนั้น โดยให้ไปประชุมกันในวันที่ 28 ตามที่นัดไว้แล้ว ม. ก็รับคำครั้น ส.กับพวกกรรมการกลับไปแล้ว ม. กลับจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นอีก โดยให้ ท. ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทเป็นประธานที่ประชุม และที่ประชุมลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ครั้นวันที่ 28 ได้มีการประชุมใหญ่กันอีกครั้งหนึ่ง ที่ประชุมไม่ยอมรับรองรายงานการประชุมวันที่ 22 ดังนี้ แม้ที่ประชุมวันที่ 22 จะได้ลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ เพราะกรรมการส่วนใหญ่สั่งระงับการประชุมในวันนั้นเสียแล้ว ท. กับพวกจึงมิใช่กรรมการของบริษัท การที่นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทรับจดทะเบียน ท. กับพวกเป็นกรรมการของบริษัท จึงเป็นการไม่ชอบบริษัทมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้ กรณีไม่อยู่ในบังคับมาตรา 1195 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะต้องฟ้องเพิกถอนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันลงมติ
กรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทสั่งระงับการประชุมใหญ่เสียก่อนเริ่มลงมือประชุมโดยให้ไปประชุมกันในวันอื่นตามที่นัดไว้ หาจำต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1181 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ เพราะมิใช่เริ่มลงมือประชุมและมีผู้นั่งเป็นประธาน แล้วจึงได้มีการเลื่อนการประชุมไปเวลาอื่น
ฎีกาที่ว่า การเลือกตั้งกรรมการของบริษัทในคราวประชุมใหญ่วันที่ 28 หากมีการนับคะแนนเสียงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและตามกฎหมายแล้ว กรรมการชุดของ ท. เป็นประธานจะได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุหลังการเสียชีวิตของผู้ให้เช่า ไม่ผูกพันทายาท หากไม่มีการสนองรับก่อน
หนังสือสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับนาย จ. ข้อ 5 ที่มีข้อความว่า เมื่อครบอายุสัญญาเช่าแล้ว ผู้ให้เช่ายินยอมจดทะเบียนต่ออายุสัญญาเช่าให้แก่ผู้เช่าอีกสิบปีตามสัญญาเดิม เป็นแต่เพียงคำมั่นของนาย จ. ว่าจะให้โจทก์เช่าต่อไปเท่านั้นยังมิได้ก่อให้เกิดสัญญาแม้สัญญาเช่าเดิมจะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คำมั่นนี้ก็ไม่มีผลผูกพันนาย จ.เพราะโจทก์ไม่ได้สนองรับก่อนนาย จ. ตาย และเมื่อโจทก์ได้รู้อยู่แล้วว่านาย จ.ตายก่อนสัญญาเช่าจะครบกำหนดสิบปี กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 360 ซึ่งบัญญัติมิให้นำบทบัญญัติมาตรา 130 วรรคสอง มาใช้บังคับคำมั่นของนาย จ.ย่อมไม่มีผลบังคับ ไม่ผูกพันจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่โจทก์เช่าให้ต้องปฏิบัติตาม โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่จดทะเบียนต่ออายุสัญญาเช่าให้โจทก์อีกสิบปีไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3,4/2517)
of 59