พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมพิพาทกรรมสิทธิ์นา คดีหลังเรียกค่าเสียหายจากกรรมสิทธิ์เดียวกัน
คดีก่อนมีประเด็นในเรื่องที่โจทก์ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์นาพิพาท ให้ขับไล่ และห้ามไม่ให้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับนาพิพาท แม้คดีนี้จะมีประเด็นแต่เพียงเรื่องค่าสินไหมทดแทนก็ตาม แต่ประเด็นที่จะต้องพิจารณาก็เนื่องมาจากมูลฐานเดียวกัน โจทก์มีทางเรียกค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าเสียหายที่ได้เกิดขึ้นก่อนโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน และที่จะเกิดขึ้นต่อไป กรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก ที่ห้ามมิให้คู่ความเดียวกันฟ้องกันอีก ฟ้องโจทก์คดีเรื่องนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องคดีเรื่องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีซื้อขายโรงงาน: ไม่มีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขายให้แก่จำเลยที่ 3 ขอให้พิพากษาว่าหนังสือสัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสามให้การและแถลงว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่ได้เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขาย จำเลยที่ 3 แถลงว่าไม่เคยโต้แย้งว่าทรัพย์สินตามฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยเคยรับอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วว่า ทรัพย์สินตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับโรงงานและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องโจทก์ว่าเป็นทรัพย์สินของฝ่ายใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยสำหรับทรัพย์สินที่กล่าวในฟ้อง และไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเพิกถอนการซื้อขาย: ทรัพย์สินต้องเป็นของโจทก์จริง หากไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขายให้แก่จำเลยที่ 3 ขอให้พิพากษาว่าหนังสือสัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสามให้การและแถลงว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่ได้เอาโรงงานและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไปขาย จำเลยที่ 3 แถลงว่าไม่เคยโต้แย้งว่าทรัพย์สินตามฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยเคยรับอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วว่า ทรัพย์สินตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย ดังนี้ถือได้ว่าไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับโรงงานและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องโจทก์ว่าเป็นทรัพย์สินของฝ่ายใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยสำหรับทรัพย์สินที่กล่าวในฟ้อง และไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับเฉพาะส่วนที่ผิดสัญญาเป็นโมฆะ
ยอดเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งแยกได้ว่าเป็นต้นเงินที่แท้จริงจำนวนหนึ่ง และดอกเบี้ยล่วงหน้าซึ่งเรียกเกินอัตราผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งนั้น หนี้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นหนี้ไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ ส่วนหนี้ต้นเงินยังคงสมบูรณ์ สัญญากู้ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ และในส่วนที่สมบูรณ์ย่อมนำมาใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 1238/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ดอกเบี้ยเกินอัตราไม่สมบูรณ์ แต่ต้นเงินยังใช้บังคับคดีได้ สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะ
ยอดเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งแยกได้ว่าเป็นต้นเงินที่แท้จริงจำนวนหนึ่ง และดอกเบี้ยล่วงหน้าซึ่งเรียกเกินอัตราผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งนั้น หนี้ดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นหนี้ไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ ส่วนหนี้ต้นเงินยังคงสมบูรณ์ สัญญากู้ไม่ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ และในส่วนที่สมบูรณ์ย่อมนำมาใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 1238/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และการใช้ยานพาหนะเป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิด ทำให้ต้องริบรถยนต์
ไม้ของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูปและไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ จำเลยรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ตัดฟันโดยไม่ชอบ ยังนำมาไว้ในความครอบครองของจำเลย อันเป็นความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามมาตรา11, 69, 70, 73แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เมื่อจำเลยมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้โดยมิได้รับอนุญาต ด้วยการใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวมา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69ย่อมเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 69 และมาตรา 74 ทวิ โดยตรงอยู่แล้ว จึงต้องริบรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และการใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด ทำให้ต้องริบยานพาหนะ
ไม้ของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูปและไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ จำเลยรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ตัดฟันโดยไม่ชอบ ยังนำมาไว้ในความครอบครองของจำเลยอันเป็นความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามมาตรา11,69,70,73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เมื่อจำเลยมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้โดยมิได้รับอนุญาต ด้วยการใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวมา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 ย่อมเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 69 และมาตรา 74 ทวิ โดยตรงอยู่แล้ว จึงต้องริบรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ค่าแชร์: หนี้จากการเล่นแชร์มีอายุความ 5 ปีนับแต่วันค้างชำระ
หนี้เงินค่าเล่นแชร์ซึ่งลูกวงจะต้องจ่ายให้แก่นายวง อันมีกำหนดระยะเวลาการใช้เงินคืนเป็นรายเดือนนั้น มีอายุความฟ้องร้อง 5 ปี
(วินิจฉัยตามแนวฎีกาที่ 655/2480)
(วินิจฉัยตามแนวฎีกาที่ 655/2480)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ค่าแชร์: หนี้ตามสัญญาเล่นแชร์มีอายุความ 5 ปี นับแต่วันค้างชำระ
หนี้เงินค่าเล่นแชร์ซึ่งลูกวงจะต้องจ่ายให้แก่นายวงอันมีกำหนดระยะเวลาการใช้เงินคืนเป็นรายเดือนนั้นมีอายุความฟ้องร้อง 5 ปี
(วินิจฉัยตามแนวฎีกาที่ 655/2480)
(วินิจฉัยตามแนวฎีกาที่ 655/2480)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีเกินความจำเป็น: พิจารณาเจตนาจำเลยและโอกาสคัดค้าน
ทรัพย์ที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมี 4 รายการแต่ละรายการราคา 80,000 บาท (หนี้จำเลยจะต้องชำระ 21,779.80 บาท)แต่โจทก์นำยึดบ้านเพียงรายการเดียว ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จะนำยึดบางส่วนไม่ได้ทั้งเป็นบ้านที่จำเลยนำไปประกันสัญญาเงินยืมที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จำเลยตีราคา 100,000 บาท อันเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะให้โจทก์บังคับเอากับทรัพย์ของจำเลยดังกล่าว หากจำเลยผิดสัญญาและขณะเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านหลังนี้จำเลยก็อยู่และได้ลงชื่อรับทราบการยึด แต่จำเลยก็มิได้คัดค้านหรือชี้แจง ให้โจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นๆ อะไรบ้างที่มีราคาพอแก่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ยึดทรัพย์สินของจำเลยเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284