พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างแรงงานผูกพันแม้ไม่มีตราบริษัท หากยอมรับผลงานและชำระเงินเป็นงวด
ข้อบังคับของบริษัทจำเลยกำหนดว่ากรรมการผู้จัดการมีอำนาจลงนามแทนบริษัทแต่ต้องประทับตราบริษัท การที่บริษัทจำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์โดยในสัญญาไม่ได้ประทับตราบริษัทจำเลยแต่เมื่อบริษัทจำเลยยอมรับเอาผลงานที่โจทก์ทำให้ จนมีการชำระเงินค่าจ้างเรียบร้อยไปงวดหนึ่งแล้ว บริษัทจำเลยจะปฏิเสธว่าสัญญาจ้างดังกล่าวไม่ผูกพันบริษัทจำเลยหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1525/2494)
สัญญาจ้างซึ่งระบุว่าผู้จ้างจะจ่ายเงินค่าแรงงานในการก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆ นั้น เมื่อผู้รับจ้างทำงานเสร็จตามงวดแล้ว ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินตามงวดที่เสร็จไปแล้วได้ ไม่ต้องรอให้งานเสร็จครบถ้วนตามสัญญา
สัญญาจ้างซึ่งระบุว่าผู้จ้างจะจ่ายเงินค่าแรงงานในการก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆ นั้น เมื่อผู้รับจ้างทำงานเสร็จตามงวดแล้ว ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ว่าจ้างจ่ายเงินตามงวดที่เสร็จไปแล้วได้ ไม่ต้องรอให้งานเสร็จครบถ้วนตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาโดยผู้เสียหายเพื่อร่วมเป็นโจทก์กับอัยการ ไม่ตัดสิทธิอัยการในการฟ้องคดีใหม่
การถอนฟ้องของผู้เสียหายในคดีความผิดต่อส่วนตัวที่จะเป็นการตัดสิทธิพนักงานอัยการที่ยื่นฟ้องคดีใหม่นั้น ต้องเป็นการถอนฟ้องเด็ดขาด
ผู้เสียหายถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัว เพื่อไปเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในสำนวนคดีเรื่องเดียวกัน หาใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 ไม่ จึงไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดีใหม่
ผู้เสียหายถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัว เพื่อไปเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในสำนวนคดีเรื่องเดียวกัน หาใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 ไม่ จึงไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาเพื่อเป็นโจทก์ร่วม ไม่ตัดสิทธิอัยการฟ้องคดีซ้ำ
ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องคดีซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวแล้วได้ถอนฟ้องเสีย การถอนฟ้องนี้จะตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่ต่อเมื่อเป็นการถอนฟ้องไปเป็นการเด็ดขาดถ้าถอนฟ้องเพื่อจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการเมื่อพนักงานอัยการฟ้องจำเลยในคดีเรื่องเดียวกันนั้น ไม่เป็นการถอนฟ้องตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36(3) พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องคดีนั้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนชั่วคราวและการพกพาในที่สาธารณะ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ช. ถือดาบวิ่งเข้ามาจะทำร้ายจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ยืมปืนจากม.ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้ เมื่อมีคนพาตัว ช. กลับไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็คืนปืนนั้นให้ ม.ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนชั่วคราวและการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ช. ถือดาบวิ่งเข้ามาจะทำร้ายจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ยืมปืนจากม.ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้เมื่อมีคนพาตัว ช. กลับไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็คืนปืนนั้นให้ ม.ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทขับรถบนถนนชำรุดทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ความรับผิดชอบและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยขับรถยนต์ไปตามถนนหลวงที่เป็นหลุมเป็นบ่อด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้รถเกิดการกระแทกโดยแรง ทำให้เสื้อเพลารถซึ่งแตกร้าวอยู่ก่อนแล้วขาด ล้อหลังข้างซ้ายของรถจึงหลุดกลิ้งออกไปชนกระแทก ส. โดยแรงถึงแก่ความตาย นับว่าผลที่เกิดขึ้นจากความประมาทของจำเลย และเหตุที่ทำให้ ส. ตาย เป็นเรื่องที่ถึงคราวจะเกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ที่พอดีกัน สภาพความผิดในคดีนี้ไม่เป็นความผิดประมาทอย่างร้ายแรง ทั้งคดีมีเหตุบรรเทาโทษโดยจำเลยให้การรับสารภาพและได้ช่วยเหลือจัดการศพผู้ตายสมควรให้รอการลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีพิพาทสิทธิครอบครองที่ดินทับซ้อนกับป่าคุ้มครอง/ป่าสงวน การโต้แย้งสิทธิเป็นเหตุให้ฟ้องได้
ทางการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าไสโป๊ะเป็นป่าคุ้มครองและแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาคลุมทับถึงที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองอยู่ และเจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยได้เข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อออกกฎกระทรวงกำหนดป่าคุ้มครองให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย การออกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวผิดพลาดรุกล้ำผิดตำบลซึ่งระบุในพระราชกฤษฎีกา โดยไม่มีการประกาศให้ราษฎรทราบ จำเลยโต้เถียงว่าที่ดินพิพาทเป็นป่าคุ้มครองและป่าสงวนแห่งชาติโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ครอบครองโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์อ้าง การที่เจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อประกาศกำหนดให้เป็นป่าสงวน อาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิครอบครองของโจทก์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังจำเลยโต้เถียงก็ไม่เป็นละเมิด และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทคงมีฐานะเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ภายในอำนาจของจำเลยที่จะสั่งให้โจทก์ออกไปหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ในที่ดินพิพาทตามมาตรา 25แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กรณีถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยข่มขู่ใช้กำลังและความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11
ผู้เสียหายซื้อเนื้อกระบือไว้จากจำเลยคนหนึ่ง ต่อมา จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่า และได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายใช้เงินให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังเข้าชกต่อยผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัวจนผู้เสียหายยอมส่งเงินให้ ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระเครื่องส่วนบุคคล ไม่ถึงฐานลักทรัพย์พระพุทธรูปที่สักการะบูชาของประชาชน
ฟ้องหาว่าจำเลยลักพระเครื่องยอดธงที่เป็นพระพุทธรูปอันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนและเจ้าทรัพย์ โดยล้วงเอาไปจากกระเป๋าเสื้อของเจ้าทรัพย์ เหตุเกิดในบริเวณวัดนิกรชนาราม จำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องเห็นได้ว่าพระเครื่องของกลางไม่อยู่ในฐานะอันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนไปได้ และจำเลยได้ลักล้วงเอาไปจากกระเป๋าเสื้อของเจ้าทรัพย์เช่นนี้ แม้เหตุลักทรัพย์จะเกิดในบริเวณวัด จำเลยยังไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระเครื่องส่วนบุคคล ไม่เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์พระพุทธรูปที่สักการะบูชาของประชาชน
ฟ้องหาว่าจำเลยลักพระเครื่องยอดธงที่เป็นพระพุทธรูปอันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนและเจ้าทรัพย์ โดยล้วงเอาไปจากกระเป๋าเสื้อของเจ้าทรัพย์ เหตุเกิดในบริเวณวัดนิกรชนารา ม.จำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องเห็นได้ว่าพระเครื่องของกลางไม่อยู่ในฐานะอันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนไปได้ และจำเลยได้ลักล้วงเอาไปจากกระเป๋าเสื้อของเจ้าทรัพย์เช่นนี้ แม้เหตุลักทรัพย์จะเกิดในบริเวณวัด จำเลยยังไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ