พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดกเมื่อมีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกตามพินัยกรรมที่ซับซ้อน
การร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกซึ่งจะต้องมีเหตุขัดข้องหรือจำเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคแรก นั้น แม้ตามคำร้องจะไม่อ้างเหตุขัดข้องหรือจำเป็นไว้โดยชัดแจ้ง แต่ตามสำเนาพินัยกรรมของเจ้ามรดกท้ายคำร้องมีข้อความซึ่งพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกก็ชอบที่ศาลจะต้องสั่งรับคำร้องไว้ดำเนินการต่อไป
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คนและตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คนมิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คนและตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คนมิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุขัดข้องในการจัดการมรดกตามพินัยกรรม: ศาลมีอำนาจสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้
การร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกซึ่งจะต้องมีเหตุขัดข้องหรือจำเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคแรก นั้น แม้ตามคำร้องจะไม่อ้างเหตุขัดข้องหรือจำเป็นไว้โดยชัดแจ้ง แต่ตามสำเนาพินัยกรรมของเจ้ามรดกท้ายคำร้องมีข้อความซึ่งพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกก็ชอบที่ศาลจะต้องสั่งรับคำร้องไว้ดำเนินการต่อไป
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คน และตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คน มิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
พินัยกรรมของเจ้ามรดกยกทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ให้แก่บุตร 8 คน และตัดทายาทซึ่งเป็นบุตร 2 คน มิให้รับมรดกและมีข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินตอนหนึ่งว่า แต่ห้ามมิให้แบ่งให้แจกกันกินกันใช้โดยความยุติธรรมส่วนนายพุฒ พยัคฆเดช พี่ชายใหญ่มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปในทรัพย์สมบัติให้คงอยู่แลเสริมสร้างให้เจริญยิ่งขึ้น ข้อความในพินัยกรรมเช่นนี้เห็นได้ว่า จะจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้เป็นไปโดยราบรื่นได้ยากจึงพอถือได้ว่ามีเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกซึ่งทายาทมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องกันส่วนของเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท เมื่อหนี้ไม่ได้เกิดจากการเป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
หนี้เงินกู้ที่ ป. ก่อขึ้นระหว่างผู้ร้องกับ ป. มิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่หนี้ร่วม ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท(ซึ่งถูกบังคับคดีขายทอดตลาด) อยู่ครึ่งหนึ่ง ชอบที่จะขอกันส่วนได้ของตนครึ่งหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอกันส่วนหนี้เมื่อไม่ได้เป็นหนี้ร่วม และมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี
หนี้เงินกู้ที่ ป. ก่อขึ้นระหว่างผู้ร้องกับ ป. มิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่หนี้ร่วมผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท (ซึ่งถูกบังคับคดีขายทอดตลาด) อยู่ครึ่งหนึ่ง ชอบที่จะขอกันส่วนได้ของคนครึ่งหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาถอนฟ้อง vs. ถอนอุทธรณ์ ศาลต้องพิจารณาเจตนาที่แท้จริงของโจทก์ในการยื่นคำร้อง
คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่โจทก์ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องฉบับหนึ่งว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป จึงขอถอนฟ้องแล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่าที่ว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปจึงขอถอนฟ้องนั้น เกิดจากความบกพร่องและเข้าใจผิด ความจริงโจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้ต่อไป จึงขอถอนอุทธรณ์ ไม่ใช่ขอถอนฟ้อง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์ประสงค์ที่จะถอนอุทธรณ์เท่านั้นไม่เจตนาที่จะขอถอนฟ้องคดีด้วย การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ขอถอนฟ้อง และขอถอนอุทธรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามคำร้องขอของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาถอนฟ้อง vs. ถอนอุทธรณ์: ศาลต้องพิจารณาตามเจตนาของผู้ร้อง มิใช่ตีความตามรูปแบบของคำร้อง
คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่โจทก์ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องฉบับหนึ่งว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป จึงขอถอนฟ้องแล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่าที่ว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปจึงขอถอนฟ้องนั้น เกิดจากความบกพร่องและเข้าใจผิด ความจริงโจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้ต่อไป จึงขอถอนอุทธรณ์ ไม่ใช่ขอถอนฟ้อง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์ประสงค์ที่จะถอนอุทธรณ์เท่านั้นไม่เจตนาที่จะขอถอนฟ้องคดีด้วย การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ขอถอนฟ้อง และขอถอนอุทธรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามคำร้องขอของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่มีการส่งมอบเงินจริง ทำให้สัญญากู้เป็นโมฆะ และไม่สามารถฟ้องล้มละลายได้
หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจำเลยต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีหนี้ตามที่ฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์และดอกเบี้ยเกินอัตรา ทำให้ไม่มีหนี้เกิดขึ้น โจทก์ฟ้องล้มละลายไม่ได้
หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่ฟ้องคือดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจำเลยต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์หาได้ส่งมอบเงินที่ว่าให้กู้กันนั้นแก่จำเลยไม่ สัญญากู้ที่ฟ้องตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีหนี้ตามที่ฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยมีผลผูกพันเมื่อตกลงกันแล้ว แม้ยังไม่ชำระเบี้ยประกันภัยทั้งหมด
โจทก์เสนอขอเอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกของโจทก์ต่อบริษัทรับประกันภัยจำเลยนอกจากบริษัทจำเลยจะให้โจทก์กรอกแบบคำเสนอขอเอาประกันภัยแล้ว พนักงานบริษัทยังได้จดแจ้งจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยไว้บนใบเสนอขอเอาประกันภัยนี้เพื่อโจทก์ได้ทราบด้วยแล้วต่อมาบริษัทจำเลยได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งมีหนังสือเตือนให้โจทก์ส่งเงินเบี้ยประกันภัยไปยังบริษัททันทีเมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัย เช่นนี้ย่อมถือว่าสัญญาประกันภัยได้เกิดขึ้นและมีผลผูกมัดคู่กรณีแล้ว ข้อความในหนังสือบริษัทจำเลยซึ่งขอให้โจทก์รีบส่งเบี้ยประกันภัยไปยังบริษัททันที รวมทั้งที่มีระบุไว้ในคำขอเอาประกันภัยว่า "ยังไม่มีความรับผิดใด ๆ จนกว่าบริษัทจะยอมรับคำขอเอาประกันนี้และได้ชำระเบี้ยประกันเต็มจำนวนแล้ว"ไม่พอฟังเป็นเงื่อนไขว่า สัญญาจะมีผลผูกพันต่อเมื่อมีการชำระเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยมีผลผูกพันเมื่อตกลงกันสมบูรณ์ แม้จะมีการแบ่งชำระเบี้ยประกันภัย การบอกล้างกรมธรรม์เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา
โจทก์เสนอขอเอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกของโจทก์ต่อบริษัทรับประกันภัยจำเลยนอกจากบริษัทจำเลยจะให้โจทก์กรอกแบบคำเสนอขอเอาประกันภัยแล้ว พนักงานบริษัทยังได้จดแจ้งจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยไว้บนใบเสนอขอเอาประกันภัยนี้ เพื่อโจทก์ได้ทราบด้วยแล้วต่อมาบริษัทจำเลยได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งมีหนังสือเตือนให้โจทก์ส่งเงินเบี้ยประกันภัยไปยังบริษัททันทีเมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัย เช่นนี้ย่อมถือว่าสัญญาประกันภัยได้เกิดขึ้นและมีผลผูกมัดคู่กรณีแล้ว ข้อความในหนังสือบริษัทจำเลยซึ่งขอให้โจทก์รีบส่งเบี้ยประกันภัยไปยังบริษัททันที รวมทั้งที่มีระบุไว้ในคำขอเอาประกันภัยว่า "ยังไม่มีความรับผิดใด ๆ จนกว่าบริษัทจะยอมรับคำขอเอาประกันนี้และได้ชำระเบี้ยประกันเต็มจำนวนแล้ว" ไม่พอฟังเป็นเงื่อนไขว่า สัญญาจะมีผลผูกพันต่อเมื่อมีการชำระเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้ว