คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพจน์ ถิระวัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินก่อนจดทะเบียน และเรือนที่ไม่เป็นส่วนควบในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ใช้สิทธิครอบครองที่ดินตลอดมาตั้งแต่ซื้อและปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิที่ดินให้ผู้ร้อง ต่อมาจำเลยถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินแปลงนี้ ก็จะยึดเรือนของผู้ร้องด้วยไม่ได้ เพราะกรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ซึ่งไม่ถือว่าเรือนของผู้ร้องเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เรือนบนที่ดินที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: กรณีข้อยกเว้นส่วนควบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้ร้องซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ใช้สิทธิครอบครองที่ดินตลอดมาตั้งแต่ซื้อ และปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น แต่จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิที่ดินให้ผู้ร้อง ต่อมาจำเลยถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินแปลงนี้ ก็จะยึดเรือนของผู้ร้องด้วยไม่ได้ เพราะกรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ซึ่งไม่ถือว่าเรือนของผู้ร้องเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกรมสหกรณ์พาณิชย์คดีเบียดบังยักยอก และอายุความฟ้องคดีอาญา
กรมสหกรณ์พาณิชย์โจทก์ โดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงสหกรณ์จัดตั้งหน่วยราชการขึ้นเรียกว่า "ขายพืชผลและผลิตผลกลาง" โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการรับซื้อพืชผลและผลิตผลจากสหกรณ์ขายพืชผลในต่างจังหวัด และจัดการขาย ณ ตลาดภายในหรือภายนอกประเทศเพื่อให้ได้ราคาดี ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมการสหกรณ์อย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของกรมสหกรณ์พาณิชย์ และการดำเนินการดังกล่าวนี้ก็มิได้หวังผลกำไรในทางการค้า เมื่อขายพืชผลหรือผลิตผลได้เงินมาก็หักไว้เป็นค่าบริการสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการ "ขายพืชผลและผลิตผลกลาง" แต่เพียงเล็กน้อยเงินที่ขายได้นอกนั้นส่งคืนให้สหกรณ์ที่ส่งพืชผลและผลิตผลมา ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่ากรมสหกรณ์พาณิชย์ทำการค้าหรือเป็นตัวแทนในการค้า อันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกรมนี้
เมื่อปรากฏว่าเงินของหน่วยราชการที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ขาดบัญชีไปกรมซึ่งเป็นโจทก์ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวน ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตโจทก์ได้แจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย และกรมโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้จำเลยชดใช้เงินโดยบรรยายฟ้องยืนยันด้วยว่าจำเลยเป็นพนักงานทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินของโจทก์ไป ดังนี้ แม้จำเลยจะยังมิได้ถูกฟ้องคดีอาญา แต่ฟ้องของโจทก์ก็เนื่องจากความผิดทางอาญา ต้องนำอายุความฟ้องคดีอาญามาใช้บังคับมิใช่ถือเอาอายุความ 1 ปี ฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และอายุความที่ต้องใช้บังคับ
กรมสหกรณ์พาณิชย์โจทก์ โดยได้รับอนุมัติจากกระทรวงสหกรณ์จัดตั้งหน่วยราชการขึ้นเรียกว่า 'ขายพืชผลและผลิตผลกลาง' โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการรับซื้อพืชผลและผลิตผลจากสหกรณ์ขายพืชผลในต่างจังหวัด และจัดการขาย ณ ตลาดภายในหรือภายนอกประเทศเพื่อให้ได้ราคาดี ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมการสหกรณ์อย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของกรมสหกรณ์พาณิชย์ และการดำเนินการดังกล่าวนี้ก็มิได้หวังผลกำไรในทางการค้า เมื่อขายพืชผลหรือผลิตผลได้เงินมาก็หักไว้เป็นค่าบริการสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการ 'ขายพืชผลและผลิตผลกลาง' แต่เพียงเล็กน้อยเงินที่ขายได้นอกนั้นส่งคืนให้สหกรณ์ที่ส่งพืชผลและผลิตผลมา ดังนี้ ไม่อาจถือได้ว่ากรมสหกรณ์พาณิชย์ทำการค้าหรือเป็นตัวแทนในการค้า อันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกรมนี้
เมื่อปรากฏว่าเงินของหน่วยราชการที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ขาดบัญชีไปกรมซึ่งเป็นโจทก์ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวน ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตโจทก์ได้แจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย และกรมโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้จำเลยชดใช้เงิน โดยบรรยายฟ้องยืนยันด้วยว่าจำเลยเป็นพนักงานทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินของโจทก์ไป ดังนี้ แม้จำเลยจะยังมิได้ถูกฟ้องคดีอาญา แต่ฟ้องของโจทก์ก็เนื่องจากความผิดทางอาญา ต้องนำอายุความฟ้องคดีอาญามาใช้บังคับมิใช่ถือเอาอายุความ 1 ปี ฐานละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายไม้ที่ได้รับอนุญาตออกจากป่าโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่ถือเป็นไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิด จึงไม่ริบของกลาง
นำไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตัดฟันแล้วเคลื่อนที่ออกจากป่าโดยไม่มีใบเบิกทางกำกับ และไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตราเพื่อคำนวณค่าภาคหลวงก่อน อันเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดกระทรวงเกษตรว่าด้วยการทำไม้ ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 74ริบไม้ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการกำกับและคำนวณค่าภาคหลวง ไม่ถือเป็นไม้ผิดกฎหมาย
นำไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตัดฟันแล้วเคลื่อนที่ออกจากป่าโดยไม่มีใบเบิกทางกำกับ และไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตราเพื่อคำนวณค่าภาคหลวงก่อน อันเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดกระทรวงเกษตรว่าด้วยการทำไม้ ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 74 ริบไม้ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อความเสียหายจากการก่อสร้าง: คำสั่งให้ปฏิบัติตามแบบแปลนไม่ถือเป็นคำสั่งให้ก่อความเสียหาย
คำสั่งของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้าง ที่สั่ง ส. ผู้รับจ้างว่าให้ ส. ทำการก่อสร้างอาคารไปตามแบบแปลนที่จำเลยที่ 1 ได้ยื่นไว้ต่อเทศบาลและเทศบาลได้อนุญาตแล้ว เป็นคำสั่งกำชับให้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาระหว่างจำเลยผู้ว่าจ้างกับ ส. ผู้รับจ้าง ไม่เป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับการทำการก่อสร้างอาคารของ ส. ผู้รับจ้าง ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งให้ ส. ตอกเสาเข็มด้วยเครื่องจักรอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การตอกเสาเข็มจึงเป็นการกระทำของ ส. ผู้รับจ้างเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อความเสียหายจากการก่อสร้าง: คำสั่งให้ปฏิบัติตามแบบแปลนไม่ใช่คำสั่งให้กระทำละเมิด
คำสั่งของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้าง ที่สั่ง ส. ผู้รับจ้างว่าให้ ส. ทำการก่อสร้างอาคารไปตามแบบแปลนที่จำเลยที่ 1 ได้ยื่นไว้ต่อเทศบาลและเทศบาลได้อนุญาตแล้วเป็นคำสั่งกำชับให้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาระหว่างจำเลยผู้ว่าจ้างกับ ส. ผู้รับจ้าง ไม่เป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับการทำการก่อสร้างอาคารของ ส. ผู้รับจ้าง ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งให้ ส. ตอกเสาเข็มด้วยเครื่องจักรอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การตอกเสาเข็มจึงเป็นการกระทำของ ส. ผู้รับจ้างเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องคดีเช็ค: วันที่ออกเช็คไม่ใช่ข้อสารสำคัญ การแก้ฟ้องต้องไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
คำฟ้องกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินใน วันที่ 8 สิงหาคม 2511 มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เป็นคำฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้า เช่นนี้ ต้องถือเอาวันถึงกำหนดใช้เงินที่ลงไว้ในเช็คเป็นวันเวลากระทำผิด วันที่จำเลยออกเช็ค หรือวันที่เขียนเช็คส่งมอบให้โจทก์จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคำฟ้อง
การที่โจทก์ขอแก้วันที่จำเลยออกเช็คหรือวันที่เขียนเช็คให้โจทก์ในเวลาภายหลังต่อมา เท่ากับเป็นการแก้ไขในข้อที่ไม่ใช่ข้อสารสำคัญในคำฟ้องและเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่นำสืบรับว่าได้ออกเช็คตามฟ้องจริง แต่ออกให้คนอื่น ดังนี้ ไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือข้อที่โจทก์แก้ฟ้อง
ถึงแม้จะปรากฏว่าวันออกเช็คให้โจทก์หรือวันเขียนเช็คให้โจทก์ตามคำฟ้องจะเป็นวันหนึ่ง ทางพิจารณากลับเป็นอีกวันหนึ่งต่างกัน ก็มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ และจำเลยหลงต่อสู้อันต้องแยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรู้ประกาศกฎหมายเป็นองค์ความผิด การลงโทษต้องพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทราบประกาศแล้ว
การที่จะเอาความผิดแก่จำเลยในกรณีฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบให้ได้ความว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ลำพังแต่ได้ความว่าประกาศดังกล่าวได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วหาเพียงพอที่จะถือว่าได้รู้ถึงประชาชนแล้วไม่เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบประกาศแล้ว จำเลยจงใจฝ่าฝืน กรณีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลย (อ้างฎีกาที่ 1176/2492)
of 59