คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพจน์ ถิระวัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยรถยนต์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ตามกฎหมาย
บริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่ถูกละเมิดซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ย่อมเป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 และย่อมมีสิทธิเสมอเหมือนกับผู้เอาประกันภัยในอันจะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ตนได้ชำระไปนั้นจากบริษัทผู้ประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่ทำละเมิดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ต้องมีการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น การมีชื่อในโฉนดไม่ถือเป็นการครอบครอง
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 นั้น นอกจากจะมีการเบียดบังเอาทรัพย์ไปโดยทุจริตแล้ว จะต้องได้ความด้วยว่า ผู้ที่เบียดบังนั้นได้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลย (หุ้นส่วนของห้างโจทก์) เป็นแต่เพียงมีชื่อในโฉนดพิพาทแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อันแท้จริงเท่านั้น โดยจำเลยมิได้เข้าเกี่ยวข้องครอบครองที่ดินโฉนดพิพาทแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นตามความแห่งมาตรา 352 แม้จำเลยเอาที่ดินโฉนดดังกล่าวไปทำสัญญาขายฝากให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากโจทก์ จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นเพื่อความผิดฐานยักยอก จำเลยเพียงลงชื่อในโฉนดแทนโจทก์ ไม่ได้ครอบครองจริง จึงไม่เป็นความผิด
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 นั้น นอกจากจะมีการเบียดบังเอาทรัพย์ไปโดยทุจริตแล้ว จะต้องได้ความด้วยว่าผู้ที่เบียดบังนั้นได้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลย (หุ้นส่วนของห้างโจทก์) เป็นแต่เพียงมีชื่อในโฉนดพิพาทแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อันแท้จริงเท่านั้น โดยจำเลยมิได้เข้าเกี่ยวข้องครอบครองที่ดินโฉนดพิพาทแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นตามความหมายแห่งมาตรา 352 แม้จำเลยเอาที่ดินโฉนดดังกล่าวไปทำสัญญาขายฝากให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากโจทก์ จำเลยก็ไม่ม่ความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นไม่สมบูรณ์
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์และจำเลยต่างปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยย่อมชอบที่จะร้องขอให้ดำเนินการบังคับไปตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติ ในเมื่อคดีนี้ยังไม่มีการบังคับคดี จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีเพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่ และคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาตามยอม: การปฏิบัติตามหน้าที่ตามสัญญาประนีประนอมความสำคัญกว่าการรอไต่สวนฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์และจำเลยต่างปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยย่อมชอบที่จะร้องขอให้ดำเนินการบังคับไปตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติ ในเมื่อคดีนี้ยังไม่มีการบังคับคดี จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดี เพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่ และคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ: อำนาจศาล, คำขอท้ายฟ้อง, การบังคับคดี
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเพราะเห็นว่าคำชี้ขาด ของอนุญาโตตุลาการขัดต่อกฎหมายนั้น เป็นคำสั่งในอำนาจของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 221 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 218 วรรคท้าย มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 243 (1) ดังนั้น เมื่อโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วสั่งให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะพิพากษาว่า ไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามคำขอในอุทธรณ์ของโจทก์ แต่คำขอในอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเห็นได้ว่าเป็นการขอให้คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมีผลบังคับโดยคำพิพากษาของศาลตามมาตรา 221 นั่นเอง มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งอย่างธรรมดา เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ขัดต่อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตามคำชี้ขาดนั้นเสียเองได้ หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ไม่
ในกรณีดังกล่าว การที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์มาเพียง 50 บาท สืบเนื่องมาจากเรื่องที่โจทก์เข้าใจอำนาจของศาลอุทธรณ์ผิด ซึ่งศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ถูกต้องได้เมื่อจะพิพากษา
อนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดให้จำเลยคืนเงิน 40,000 บาท ให้โจทก์ หากไม่คืนภายในเวลาที่กำหนดก็ให้โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งขายที่ดินที่พิพาทพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง เงินที่ขายได้ตกเป็นสิทธิแก่โจทก์ผู้เดียว ดังนี้ คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในกรณีนี้ก็คือ ชี้ขาดให้จำเลยคืนเงิน 40,000 บาท ให้โจทก์ภายในเวลาที่กำหนด ส่วนที่อนุญาโตตุลาการกล่าวต่อไปนั้น หาใช่เป็นคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ เป็นแต่เพียงคำเสนอแนะว่า หากจำเลยไม่คืนเงินให้โจทก์ภายในกำหนด ก็ให้เสนอคดีต่อศาลต่อไปเท่านั้น ส่วนวิธีการบังคับคดีซึ่งศาลจะสั่งขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวหรือไม่ หรือขายทอดตลาดได้เงินเท่าใด ให้เป็นของใครนั้น ย่อมอยู่ภายใต้บทบัญญัติในภาค 4 ลักษณะแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ฉะนั้น คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยขายได้เงินเท่าใด ให้เป็นของโจทก์แต่ผู้เดียวนั้น ย่อมเป็นการขัดต่อวิธีการบังคับคดีดังกล่าว ศาลจะพิพากษาตามคำขอของโจทก์ในข้อนี้ไม่ได้ จึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาท ให้แก่โจทก์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผิดนัดชำระหนี้ ศาลสั่งโอนที่ดินได้ตามสัญญา
สัญญาประนีประนอมยอมความมีความว่า จำเลยจะผ่อนชำระเงินให้โจทก์เป็นงวด ๆ ละ 3 เดือน โดยให้จำเลยชำระงวดที่สองนับแต่วันที่ชำระงวดแรก ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกในวันที่ 20 สิงหาคม 2512 จำเลยจึงต้องชำระเงินงวดที่สองให้โจทก์ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 และชำระเงินงวดที่สามในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2513 เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินตามเวลาดังกล่าว ก็ต้องถือว่าจำเลยผิดสัญญา
สัญญาประนีประนอมยอมความมีความต่อไปว่า ถ้าจำเลยผิดนัดชำระเงินตั้งแต่งวดที่สอง สองงวดติดกัน ให้โจทก์ริบเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นกรรมสิทธิ์ของโจกท์ได้ทันที และจำเลยต้องไปโอนใน 3 วัน ถ้าไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย เช่นนี้ เห็นได้ว่า กำหนดเวลาที่จำเลยจะต้องโอนที่ดินดังกล่าวได้ล่วงพ้นมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2513 จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในข้อนี้อีกด้วย เมื่อศาลฎีกาไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินโอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้ หาใช่จะต้องมาเริ่มนับเวลาชำระหนี้กันใหม่ตั้งแต่วันถัดจากวันที่จำเลยฟังคำสั่งของศาลฎีกาที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับไม่ เพราะการให้ทุเลาการบังคับ เป็นเรื่องรอการบังคับไว้จนกว่าศาลจะพิพากษา เป็นคนละเรื่องกันกับกำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลได้มีคำพิพากษาและมีคำบังคับตามยอมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำตายของผู้ถูกยิงเป็นหลักฐานสำคัญประกอบกับพยานหลักฐานอื่นพิสูจน์ความผิดจำเลยได้
คำของผู้ถูกยิงระบุตัวผู้ยิงเมื่อถูกยิงใหม่ๆ อีก 1 ชั่วโมงก็ตายฟังคำบอกเล่าเป็นความจริงได้ประกอบกับหลักฐานอื่นฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์คดีอาญาและคดีแพ่งเรื่องเช็ค, ผู้ทรงเช็ค
ศาลในคดีอาญาเรื่องความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็คประกันหนี้ ในคดีแพ่งเรื่องความรับผิดตามเช็คไม่ต้องอาศัยมูลคดีอาญานั้นแต่ประการใดจึงไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่ ก. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่าผู้ถือโจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค จึงเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่า: การประเมินผลจากการยิงที่ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ
ตามปกติอาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรง หากกระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก็เห็นได้ชัดว่าปืนกระบอกนั้นไม่อาจใช้ยิงให้ผู้เสียหายได้ แต่เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงเฉียดถูกผู้เสียหายที่ต้นแขนซ้ายมีบาดแผลเล็กน้อย จึงเป็นเรื่องการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนที่จำเลยยิงนั้นถูกอวัยวะส่วนไม่สำคัญของร่างกาย หาใช่เพราะการกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำไม่
of 59