คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แปลก ศิงฆมานันท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่มีข้อตกลงให้ไถ่ถอนคืนได้ หากไม่ทำตามรูปแบบสัญญาขายฝาก สัญญาเป็นโมฆะ
บิดาจำเลยได้ขายนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้โจทก์ ทำหนังสือสัญญากันเองชำระราคากันแล้ว และบิดาจำเลยได้ส่งมอบนาพิพาทให้โจทก์ครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญา ในสัญญาซื้อขายนั้นมีข้อความว่า เมื่อผู้ขายต้องการจะไถ่ถอนนาคืน จะยอมคิดดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อร้อยละ 10 บาทต่อเดือน อันเป็นข้อสัญญาที่ให้ไถ่ถอนนาคืนเช่นสัญญาขายฝาก
เมื่อไม่ได้ทำให้เป็นสัญญาขายฝากโดยถูกต้อง จึงตกเป็นโมฆะ จำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ขายจะขอไถ่ถอนนาคืน โดยอาศัยสัญญานี้ไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 352/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วแลกเงินที่ลงลายมือชื่อโดยจำเลยเองและรับรองโดยผู้มีอำนาจ แม้ผิดระเบียบธนาคาร ไม่ถือเป็นตั๋วเงินปลอม
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ต่างลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่องค์การเชื้อเพลิงจัดพิมพ์ขึ้น สั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงจ่ายเงินแก่องค์การเชื้อเพลิง และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัท ม. สั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงจ่ายเงินแก่บริษัท ม. และจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงได้ลงลายมือชื่อและประทับตรารับรองตั๋วแลกเงินทั้งหมดนี้ แล้วจำเลยอื่นนำตั๋วแลกเงินนี้ไปใช้ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินโดยลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเองจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่นหรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่น และลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำในฐานะผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงตามอำนาจซึ่งได้รับมอบหมายจากโจทก์ ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคาร แม้จะผิดระเบียบภายในเพราะจำนวนเงินที่รับรองนั้นเกินอำนาจและไม่มีสมุห์บัญชีหรือผู้รักษาเงินลงลายมือชื่อร่วมด้วย ก็หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองไปนั้นเป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่ การกระทำของจำเลยทั้งหมดไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,265,266,268

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วแลกเงินจริง vs. ปลอม: การรับรองตั๋วแลกเงินเกินอำนาจระเบียบธนาคาร ไม่ถือเป็นตั๋วปลอม
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างออกตั๋วแลกเงิน โดยจำเลยที่ 4 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคารสาขา ลงลายมือชื่อและประทับตราของธนาคารรับรองตั๋วแลกเงินฉบับนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่น หรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่นตั๋วแลกเงินฉบับนั้นจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และทั้งลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำไปในฐานะผู้จัดการธนาคาร สาขา ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคารดังกล่าว แม้จำเลยที่ 4 กระทำเกินกว่าอำนาจที่ระเบียบของธนาคารกำหนดให้ไว้ ก็เป็นเพียงระเบียบภายใน หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองนั้น เป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงชำระหนี้และรับมรดก: ไม่ใช่การสละมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1612
ข้อตกลงระหว่างทายาทที่ให้ทายาทคนหนึ่งชำระหนี้สินของเจ้ามรดกทั้งหมดแล้วยินยอมให้ทายาทผู้ชำระหนี้ดังกล่าวแต่ผู้เดียวลงชื่อรับมรดกส่วนของเจ้ามรดกในโฉนดที่ดินนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องทายาทสละมรดก ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 เพราะการสละมรดกตามมาตรานี้หมายถึงการสละส่วนของตนโดยไม่เจาะจงว่าจะให้แก่ทายาทคนใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ฟ้องคดีที่ส่งเสริมการขายทรัพย์สินตามพินัยกรรมแล้วกลับฟ้องคัดค้านการแบ่งเงิน
พระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชมีผลเด็ดขาดเป็นกฎหมาย เมื่อมิได้มีพระบรมราชโองการของพระองค์ท่านเองหรืออำนาจเด็ดขาดอื่นใดยกเลิกเพิกถอนพระบรมราชโองการดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ กฎหมายทั่วไปในปัจจุบันหาลบล้างพระบรมราชโองการนั้นไม่
พินัยกรรมซึ่งพระมหากษัตริย์ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชได้มีพระบรมราชโองการสลักหลังให้ใช้ได้เหมือนพินัยกรรมที่ได้ทำถูกต้องตามพระราชกำหนดกฎหมาย ย่อมมีผลใช้บังคับให้เป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้นได้ตลอดมา ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่าพินัยกรรมนั้นจะมีข้อกำหนดที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เพราะศาลจะพิพากษาให้ผิดไปจากพินัยกรรมนั้นไม่ได้
การที่โจทก์ได้ร่วมรู้เห็นยินยอมให้ผู้จัดการมรดกขายที่ดินตามพินัยกรรมเพื่อนำเงินมาแบ่งแก่ทายาท โดยโจทก์ยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งเช่นเดียวกับทายาทอื่น และโจทก์เองเป็นผู้วิ่งเต้นขอปลดเปลื้องข้อกำหนดแห่งพินัยกรรมที่ห้ามขายที่ดินนั้นเพื่อรับประโยชน์ตอบแทนเป็นพิเศษนอกเหนือจากส่วนแบ่งและยังอาศัยเป็นเครื่องมือเรียกร้องผลประโยชน์จากผู้ซื้อที่ดินจนได้รับผลสมประสงค์ แล้วโจทก์กลับมาฟ้องขอให้ห้ามผู้จัดการมรดกแบ่งเงินแก่ทายาท แต่ให้นำเงินไปซื้อที่ดินอื่นแทนตามข้อกำหนดในพินัยกรรม เป็นการอาศัยศาลกลั่นแกล้งผู้จัดการมรดกและทายาทอื่นให้เดือดร้อนเสียหายถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานและการข่มขู่: เหตุผลอันสมควรในการเข้าไป และเจตนาทำร้ายร่างกายไม่ใช่การรบกวนการครอบครอง
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อพูดกับผู้เสียหายถึงการรื้อบ้านของผู้เสียหายซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้เสียหายกับจำเลย ตกลงกันให้จำเลยซื้อคืน ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดย ไม่มีเหตุอันสมควร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหาย และใช้ปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ผู้เสียหายโดยปกติสุข ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512-1518/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค: ศาลต้องพิจารณาเจตนาออกเช็คทั้งสองประการตามมาตรา 3(1) และ (2) อย่างครบถ้วน
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเจตนา ในการออกเช็คของจำเลยมาว่า ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ และระบุอ้างมาตรา 3(1) (2) มาในคำขอที่ให้ลงโทษท้ายคำฟ้องมาไว้ด้วย ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่โจทก์กล่าวหา ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งในข้อออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ ทั้งสองประการ
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยความผิดมายังไม่หมดประเด็นตามข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ กรณีก็ต้องยกคำพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทจากการขับรถเก่าชำรุดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือเป็นเหตุให้ต้องรับผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถที่จำเลยขับมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะขับขี่ไปในถนนหลวง หรือจะจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้มั่นคงเสียก่อน แต่จำเลยบังอาจขับรถดังกล่าวไปตามถนนหลวง คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้วหลุดออกจากตัวรถ และล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวเอียงไปทางขวา วิ่งแฉลบออกล้ำเส้นทางไปทางขวา จำเลยไม่สามารถบังคับให้รถหยุดได้เพราะเบรคชำรุดรถจำเลยจึงเฉี่ยวรถคันอื่นซึ่งวิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้คนในรถคันนั้นถึงแก่ความตาย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ารถจำเลยมีสภาพเก่าชำรุดไม่มั่นคงพอที่จะนำออกขับไปตามถนนหลวง แต่จำเลยก็ยังขืนนำออกขับไปถึงแม้จะได้ความว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยหลุดเหตุที่ล้อหลุดก็เพราะน็อตขาด ซึ่งเนื่องมาจากรถมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วนั่นเอง ดังนี้ แม้จะไม่ได้ความเรื่องคานล้อหน้าหลุดก็เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สารสำคัญ จะถือเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่ และยังถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทจากการขับรถยนต์เก่าชำรุดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่ารถที่จำเลยขับมีสภาพเก่าและชำรุดมาก มีเครื่องอุปกรณ์ส่วนประกอบไม่ครบถ้วน ไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะขับขี่ไปในถนนหลวง หรือจะจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้มั่นคงเสียก่อน แต่จำเลยบังอาจขับรถดังกล่าวไปตามถนนหลวง คานล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยซึ่งผุและชำรุดอยู่แล้วหลุดออกจากตัวรถ และล้อหน้าด้านขวาหลุดออกจากคานบังคับเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัวเอียงไปทางขวา วิ่งแฉลบออกล้ำเส้นทางไปทางขวา จำเลยไม่สามารถบังคับให้รถหยุดได้เพราะเบรคชำรุดรถจำเลยจึงเฉี่ยวรถคันอื่นซึ่งวิ่งสวนทางมา เป็นเหตุให้คนในรถคันนั้นถึงแก่ความตาย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ารถจำเลยมีสภาพเก่าชำรุดไม่มั่นคงพอที่จะนำออกขับไปตามถนนหลวง แต่จำเลยก็ยังขืนนำออกขับไปถึงแม้จะได้ความว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะล้อหน้าด้านขวาของรถจำเลยหลุดเหตุที่ล้อหลุดก็เพราะน็อตขาด ซึ่งเนื่องมาจากรถมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วนั่นเอง ดังนี้ แม้จะไม่ได้ความเรื่องคานล้อหน้าหลุดก็เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สารสำคัญ จะถือเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่ และยังถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครองบุตรหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด กรณีมีการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือจัดการทรัพย์สินผิด
แม้โจทก์จะเคยฟ้องจำเลยต่อศาลขอให้เพิกถอน อำนาจปกครองบุตรและศาลได้พิพากษาตามยอมให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร คดีถึงที่สุดไปแล้ว แต่เมื่อต่อมาปรากฏว่ามีการใช้อำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวเด็กโดยมิชอบ หรือจัดการทรัพย์สินของเด็กในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยศาลก็มีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองหรืออำนาจจัดการทรัพย์เสียบางส่วนหรือทั้งหมดได้ โดยศาลจะสั่งเองหรือผู้มีสิทธิร้องขอก็ได้ โดยจะร้องขอมาในคดีเดิมหรือจะฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทขึ้นมาใหม่ก็ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเหตุที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ต่างกันคนละประเด็นกับคดีก่อน
of 11