คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สรรเสริญ ไกรจิตติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 253 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2521/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองเฉพาะทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนอง แม้มีการระบุสิ่งปลูกสร้างภายหลัง
ผู้ที่มิใช่เจ้าของทรัพย์ย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำทรัพย์นั้นไปจำนอง
แม้เอกสารต่อท้ายสัญญาจำนองจะมีข้อความระบุว่าผู้จำนองได้จำนองสิ่งปลูกสร้างซึ่งได้ปลูกสร้างขึ้นภายหลังจำนองด้วย ข้อความดังกล่าวก็ย่อมหมายถึงสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนองเท่านั้น ไม่รวมถึงทรัพย์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลภายนอกด้วย ผู้รับจำนองจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายสิ่งปลูกสร้างของบุคคลภายนอกซึ่งได้ปลูกสร้างไว้บนที่ดินของผู้จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2521/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของผู้จำนอง แม้ระบุสิ่งปลูกสร้างภายหลังก็ไม่รวมถึงกรรมสิทธิ์บุคคลอื่น
ผู้ที่มิใช่เจ้าของทรัพย์ย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำทรัพย์นั้นไปจำนอง
แม้เอกสารต่อท้ายสัญญาจำนองจะมีข้อความระบุว่าผู้จำนองได้จำนองสิ่งปลูกสร้างซึ่งได้ปลูกสร้างขึ้นภายหลังจำนองด้วย ข้อความดังกล่าวก็ย่อมหมายถึงสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จำนองเท่านั้น ไม่รวมถึงทรัพย์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลภายนอกด้วย ผู้รับจำนองจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายสิ่งปลูกสร้างของบุคคลภายนอกซึ่งได้ปลูกสร้างไว้บนที่ดินของผู้จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2495/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดข่มขืนใจ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง และการลงโทษตามกระทงความผิดที่หนักที่สุด
โจทก์ฟ้องจำเลย 6 คนโดยมิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1, 2, 3, 4ได้ร่วมข่มขืนใจ หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 จึงลงโทษจำเลยที่ 1, 2, 3, 4ฐานนี้ไม่ได้ และตามฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 5, 6 ได้ข่มขืนใจผู้เสียหายโดยทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหายหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 309ก็ลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ตามมาตรา 309 ไม่ได้เช่นกัน แม้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5, 6 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 และ 6 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2495/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีข่มขืนกระทำชำเราและค้าประเวณี โดยพิจารณาจากองค์ประกอบความผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลย 6 คนโดยมิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1, 2, 3, 4ได้ร่วมข่มขืนใจ หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 จึงลงโทษจำเลยที่ 1,2,3,4ฐานนี้ไม่ได้ และตามฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 5, 6 ได้ข่มขืนใจผู้เสียหายโดยทำให้เกิดความกลัว ว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหายหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 309ก็ลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ตามมาตรา 309 ไม่ได้เช่นกัน แม้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5, 6 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 และ 6 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2366/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินที่ได้รับจากการประนีประนอมยอมความ ไม่ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด จึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
โจทก์จำเลยต่างฟ้องคดีซึ่งกันและกันทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยคืนค่าหุ้นและแบ่งผลกำไร โดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์250,000 บาท และโจทก์จำเลยยอมเลิกคดีที่พิพาทกันทุกคดีเงินจำนวน 250,000 บาทที่โจทก์ได้รับเพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทในคดีที่โจทก์ฟ้องขอคืนค่าหุ้นและแบ่งผลกำไร อันเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญา จึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด แม้จะมีคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเป็นส่วนช่วยให้การประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งดังกล่าวเป็นผลสำเร็จลงได้ แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เรียกเอาค่าเสียหายอะไรในคดีอาญานั้นด้วย จะถือว่าเงินนั้นเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดยังไม่ได้ เงินจำนวน 250,000 บาทนี้จึงไม่เป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันจะได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2366/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด จึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
โจทก์จำเลยต่างฟ้องคดีซึ่งกันและกันทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยคืนค่าหุ้นและแบ่งผลกำไร โดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ 250,000 บาท และโจทก์จำเลยยอมเลิกคดีที่พิพาทกันทุกคดีเงินจำนวน 250,000 บาทที่โจทก์ได้รับเพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทในคดีที่โจทก์ฟ้องขอคืนค่าหุ้นและแบ่งผลกำไร อันเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญา จึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด แม้จะมีคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม เป็นส่วนช่วยให้การประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งดังกล่าวเป็นผลสำเร็จลงได้ แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เรียกเอาค่าเสียหายอะไรในคดีอาญานั้นด้วย จะถือว่าเงินนั้นเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดยังไม่ได้ เงินจำนวน 250,000 บาทนี้จึงไม่เป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันจะได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าจ้างตามกฎหมายแรงงาน ต้องนำมาคำนวณค่าทดแทนและค่าทำศพ
คำว่า "ค่าจ้าง" ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 2(พ.ศ.2507) ให้คำวิเคราะห์ศัพท์ไว้หมายความถึงสินจ้างที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงานของลูกจ้าง ไม่ว่าสินจ้างนั้นจะเรียกชื่อ กำหนด คำนวณ หรือจ่ายอย่างไรก็ตาม แต่ไม่รวมค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด โบนัส หรือผลประโยชน์อย่างอื่นที่มีลักษณะเป็นการสงเคราะห์ลูกจ้าง
ขณะออกไปปฏิบัติงานต่างจังหวัด ลูกจ้างได้รับเงินค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 35 บาทจากนายจ้างเพิ่มจากค่าจ้างเดิมทุกวันที่ปฏิบัติงานวันที่ไม่มาทำงาน ไม่ว่าเพราะเหตุใด รวมทั้งวันหยุดงานประจำสัปดาห์และวันหยุดงานตามประเพณีนิยม นายจ้างไม่จ่ายให้ เงินที่นายจ้างจ่ายให้นี้ถือได้ว่าเป็นเงินค่าจ้างตามความหมายของคำวิเคราะห์ศัพท์ดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง ต้องนำมารวมคำนวณค่าทดแทนและค่าทำศพ
คำว่า 'ค่าจ้าง' ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 2(พ.ศ.2507) ให้คำวิเคราะห์ศัพท์ไว้หมายความถึงสินจ้างที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงานของลูกจ้าง ไม่ว่าสินจ้างนั้นจะเรียกชื่อ กำหนด คำนวณ หรือจ่ายอย่างไรก็ตาม แต่ไม่รวมค่าล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุด โบนัส หรือผลประโยชน์อย่างอื่นที่มีลักษณะเป็นการสงเคราะห์ลูกจ้าง
ขณะออกไปปฏิบัติงานต่างจังหวัด ลูกจ้างได้รับเงินค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 35 บาทจากนายจ้างเพิ่มจากค่าจ้างเดิมทุกวันที่ปฏิบัติงานวันที่ไม่มาทำงาน ไม่ว่าเพราะเหตุใด รวมทั้งวันหยุดงานประจำสัปดาห์และวันหยุดงานตามประเพณีนิยม นายจ้างไม่จ่ายให้ เงินที่นายจ้างจ่ายให้นี้ถือได้ว่าเป็นเงินค่าจ้างตามความหมายของคำวิเคราะห์ศัพท์ดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ของผู้ขายในการส่งมอบทรัพย์สินและขจัดข้อขัดแย้งก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงเบี้ยปรับจากสัญญา
หน้าที่ของจำเลยผู้ขายที่ดินและห้องแถว นอกจากจะต้องจดทะเบียนเพื่อให้การซื้อขายสมบูรณ์ มีผลให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์โอนไปยังโจทก์ผู้ซื้อแล้ว จำเลยยังมีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์นั้นแก่โจทก์ โดยกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะเป็นผลให้ทรัพย์นั้นไปอยู่ในเงื้อมมือของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 461 และ 462 อีกด้วย หาใช่เพียงแต่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วก็ถือว่าผู้รับโอนได้เข้าครอบครองทรัพย์ทีเดียวโดยไม่ต้องมีการส่งมอบกันอีกไม่
เมื่อมีการรบกวนขัดสิทธิปรากฏขึ้นก่อนที่จะมีการโอนต่อกันก็ย่อมเป็นหน้าที่ของจำเลยผู้ขายจะต้องขจัดเหตุนั้นให้หมดไปเสียก่อนจะบังคับให้โจทก์รับโอนไปทั้ง ๆ ที่การรบกวนขัดสิทธิดังกล่าวยังมีอยู่ไม่ได้ แม้จำเลยจะยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อขายกันให้แก่โจทก์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธหน้าที่ในการส่งมอบทรัพย์นั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะยังไม่ยอมรับโอนได้ และถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา
การที่จำเลยได้ตกลงไว้ล่วงหน้าในสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเสียหายในกรณีที่ตนผิดสัญญา ย่อมถือว่าเงินค่าเสียหายจำนวนที่กำหนดไว้นั้นเป็นเบี้ยปรับ เมื่อจำเลยผิดนัดไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามกำหนด โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเอาจากจำเลยได้ตามข้อตกลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 379 และ 381 โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบในเรื่องค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผ่านทางจำเป็น: ผู้รับโอนที่ดินไม่มีทางออก ย่อมมีสิทธิขอผ่านทางที่ดินแปลงอื่นได้ แม้ไม่ได้เสนอค่าทดแทน
ผู้รับโอนที่ดินซึ่งไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ที่จะขอผ่านทางที่สะดวกและใกล้ทางสาธารณะเหมาะสมกับความจำเป็นกว่าทางอื่น ซึ่งเจ้าของที่ดินผู้โอนเคยใช้มาก่อน
กฎหมายมิได้บังคับว่าผู้ร้องขอใช้ทางจำเป็นต้องเสนอขอจ่ายค่าทดแทนความเสียหายให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่มาด้วย แม้โจทก์จะขอใช้ทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยโดยไม่ได้ขอจ่ายค่าทดแทนแต่โจทก์ก็ไม่ได้ปฏิเสธจะไม่จ่าย และจำเลยก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาได้จึงไม่เป็นเหตุที่จะบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ไม่ได้
of 26