คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม เพชรคุปต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 158 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและผลของการยอมให้สิ่งของตกเป็นของผู้ให้เช่า: เงื่อนไขสัญญาหรือคำมั่นสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าตึกพิพาทจากโจทก์ และมีข้อความในสัญญาเช่าด้วยว่าจำเลยยอมให้สิ่งของต่างๆ ที่นำมาไว้ในตึกพิพาทตกเป็นสมบัติของโจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขประการหนึ่งแห่งสัญญาเช่า เป็นการตอบแทนในการที่โจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาท มิใช่เป็นคำมั่นว่าจะให้จึงผูกพันจำเลยตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและข้อตกลงเรื่องทรัพย์สิน: เงื่อนไขสัญญาหรือคำมั่นสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าตึกพิพาทจากโจทก์ และมีข้อความในสัญญาเช่าด้วยว่าจำเลยยอมให้สิ่งของต่างๆ ที่นำมาไว้ในตึกพิพาทตกเป็นสมบัติของโจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขประการหนึ่งแห่งสัญญาเช่า เป็นการตอบแทนในการที่โจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาท มิใช่เป็นคำมั่นว่าจะให้จึงผูกพันจำเลยตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งสินค้า กากน้ำตาลขาดหาย ความรับผิดของผู้ขนส่ง หนังสือรับสภาพหนี้ไม่มีผลผูกพัน
จำเลยรับจ้างขนส่งกากน้ำตาลให้แก่โจทก์ กากน้ำตาลขาดหายไป ปรากฏว่าเมื่อขนลงเรือ โจทก์กะประมาณน้ำหนักเอาเมื่อรับของจึงจะมีการชั่ง ตวง วัด จึงเกิดการคลาดเคลื่อนไม่แน่นอน และเมื่อสูบกากน้ำตาลขึ้นจากเรือมีกากน้ำตาลเหนียวติดเรือ และน้ำที่ปนน้ำตาลแห้งระเหยไปด้วย ดังนี้ จำนวนน้ำหนักกากน้ำตาลที่ขาดไปจึงเป็นการเกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเองซึ่งจำเลยพิสูจน์ได้ มิใช่จำเลยเป็นผู้ทำให้ขาดไป จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616
เมื่อโจทก์กับจำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน หนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์ฟ้องก็ปราศจากหนี้ที่จะรับสภาพ ไม่มีผลบังคับแก่กัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377-378/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการติดตามการสืบพยานประเด็น การไม่อนุญาตถือเป็นการตัดสิทธิในการต่อสู้คดี
ประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุมีเพียง 2 คน คือคนหนึ่งเป็นพยานโจทก์ อีกคนหนึ่งจำเลยระบุอ้างเป็นพยานจำเลยและแถลงขอให้ส่งประเด็นไปสืบยังศาลอื่น โดยจำเลยแถลงขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาที่ศาลนั้นด้วย การที่ศาลใช้ดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตให้ตัวจำเลยตามประเด็นไปฟังการพิจารณาเท่ากับเป็นการตัดพยานสำคัญของจำเลย อันเป็นการไม่ให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินในบัญชี ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค และการนับอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์เป็นประเด็น 3 ข้อว่า จำเลยชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว การออกเช็คนี้เป็นการค้ำประกันเงินกู้ และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยออกเช็ค เพื่อเป็นประกันเงินกู้ พิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นอื่น โจทก์ฎีกา เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยออกเช็คเป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่เพื่อประกันการกู้ยืม ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยประเด็นอีก 2 ข้อ ที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ไว้ในชั้นอุทธรณ์ด้วย แล้วจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลย
จำเลยกู้ยืมเงินผู้เสียหายโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้ออกเช็คล่วงหน้าให้ไว้เป็นการชำระหนี้เงินกู้ และตกลงกันว่าเมื่อเช็คถึงกำหนด ให้นำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารได้ เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้ มิใช่เพื่อประกันการกู้ยืม ครั้นถึงกำหนดวันทีสั่งจ่าย ผู้เสียหายไปถามธนาคาร ธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีจำเลยไม่มี ต่อมาอีกเกือบ 1 เดือน ผู้เสียหายจึงนำเช็คนี้ไปเข้าบัญชีธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 3(3) ด้วย
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เข็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จะเป็นความผิดต่อเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และจะถือว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินได้ก็ต่อเมื่อได้มีการยื่นเช็คต่อธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว เพียงแต่ผู้เสียหายไปถามธนาคาร ธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีจำเลยไม่มี ยังถือไม่ได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน อายุความจึงยังไม่เริ่มนับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้ไม่ใช่การออกเช็คเกินจำนวนเงินที่มี
จำเลยกู้ยืมเงินผู้เสียหาย และออกเช็คไว้ล่วงหน้าให้เป็นการชำระหนี้เงินกู้ โดยตกลงกันว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดให้นำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารได้ เช่นนี้ จำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้ มิใช่เพื่อประกันการกู้ยืม
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและจะถือว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินได้ก็ต่อเมื่อมีการยื่นเช็คต่อธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว เพียงแต่ผู้เสียหายไปถามธนาคาร ธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีจำเลยไม่มี ยังถือไม่ได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน อายุความจึงยังไม่เริ่มนับ
จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายทั้งที่ทราบอยู่ว่า ไม่มีเงินฝากอยู่ในธนาคาร และตั้งแต่จำเลยออกเช็คตลอดมาจนถึงวันที่ผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร จำเลยไม่มีเงินในบัญชีเงินฝากที่ธนาคารเลยเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินเท่านั้น หาเป็นความผิดฐานออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ในขณะออกเช็คนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: พิพาทสิทธิครอบครองโดยตรง ไม่ใช่มรดก อายุความ 1 ปีไม่บังคับใช้
โจทก์ฟ้องว่า มารดายกที่สวน (ที่ดินมือเปล่า) ให้แก่โจทก์และมารดาได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์อีกชั้นหนึ่ง โจทก์ได้ครอบครองตลอดมา เมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้วโจทก์ได้ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกล่าว จำเลย(ซึ่งเป็นพี่ชาย) คัดค้านอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของด้วย จำเลยให้การต่อสู้ว่าบิดามารดายกที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนั้นให้จำเลย จำเลยครอบครองมา ดังนี้ เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองโดยตรง จะนำอายุความ 1 ปี ซึ่งเป็นอายุความในเรื่องมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754มาใช้บังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พิพาทสิทธิครอบครอง: อายุความ 1 ปีตามมาตรา 1754 ไม่ใช้บังคับเมื่อเป็นการแย่งการครอบครองโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า มารดายกที่สวน (ที่ดินมือเปล่า) ให้แก่โจทก์ และมารดาได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์อีกชั้นหนึ่ง โจทก์ได้ครอบครองตลอดมา เมื่อมารดาถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้ขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกล่าว จำเลย (ซึ่งเป็นพี่ชาย) คัดค้านอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของด้วย จำเลยให้การต่อสู้ว่าบิดามารดายกที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินนั้นให้จำเลย จำเลยครอบครองมา ดังนี้ เป็นเรื่องพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครองโดยตรง จะนำอายุความ 1 ปี ซึ่งเป็นอายุความในเรื่องมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199-200/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมพิจารณาคดีเกี่ยวพัน-ลงโทษกรรมหนักสุด-ใช้กฎหมายเก่าคุ้มครองจำเลย
ในคดีเกี่ยวพันกัน อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันแม้โจทก์จะฟ้องจำเลยแต่ละสำนวนแต่ละฐานความผิด และโจทก์ร้องขอให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้ขอให้รวมพิพากษา ศาลก็มีอำนาจพิพากษาคดีที่เกี่ยวพันกันนั้นรวมกันไปได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ และเมื่อศาลสั่งรวมพิจารณาพิพากษาแล้ว ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ประกาศ ณ วันที่ 21พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญา. ให้ใช้ความใหม่แทนให้ศาลลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฯลฯ เมื่อบทบัญญัติในมาตรา 91 เดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยยิ่งกว่าประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 ต้องใช้มาตรา 91 เดิมบังคับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 วรรคแรก อันเป็นบทบัญญัติให้ศาลต้องนำไปใช้บังคับ หาใช่เป็นเรื่องดุลพินิจไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรม ทำให้ศาลจำหน่ายคดี
การเป็นผู้จัดการมรดก เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ที่ได้รับการตั้ง
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของผู้จัดการมรดกต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
of 16