คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
รัตน์ ศรีไกรวิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุดเมื่อลูกหนี้วางเงินชำระหนี้ต่อศาล แม้รับเงินคืนไปก็ไม่ทำให้เหตุสะดุดหยุดนั้นเปลี่ยนแปลง
ในคดีก่อน โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า. จำเลยได้นำเงินค่าเช่าที่ค้างชำระมาวางต่อศาล ในคดีนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชนะคดี. ต่อมาโจทก์ขอรับเงินค่าเช่าที่จำเลยนำมาวางต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งให้ไปว่ากล่าวกันเอง จำเลยจึงรับเงินค่าเช่าที่วางไว้นั้นคืนไปจากศาล ดังนี้ ถือว่าการที่จำเลยนำเงินค่าเช่าที่ค้างชำระมาวางศาลโดยยอมรับผิดชดใช้ให้โจทก์นั้น เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องในเงินค่าเช่าที่ค้างชำระนั้นแล้วอายุความสิทธิเรียกร้องในเงินค่าเช่าที่ค้างชำระนั้นจึงสะดุดหยุดลงตามมาตรา 172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยรับเงินค่าเช่าที่ค้างชำระนั้นคืนไปจากศาลเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2512 ดังนั้นเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นจึงสุดสิ้นลงในวันที่ 10มีนาคม 2512 จึงต้องเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่แต่เวลานั้นสืบไปตามความในมาตรา 181 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกเงินค่าเช่าที่จำเลยค้างชำระดังกล่าวภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยรับเงินไปจากศาลจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ที่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้มีข้อพิพาทเดิม หากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าใหม่และมีเหตุต่างกัน
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่ามีการเช่าจริงแต่โจทก์ยังมิได้บอกเลิกการเช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้วโจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ หากมีการบอกเลิกสัญญาเช่าเพิ่มเติมจากข้อเท็จจริงเดิม
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่ามีการเช่าจริงแต่โจทก์ยังมิได้บอกเลิกการเช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ดังนี้เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา แม้ไม่ทราบกระสุนใครถูกใคร ยิงในเขตชุมชน เล็งเห็นผลอันตราย
การที่จำเลยทุกคนมาด้วยกันเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันเพื่อทำการจับกุมคนร้ายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้แยกออกเป็นสองพวกๆ ละ 5 คน พวกหนึ่งไปหมอบอยู่ใต้ต้นมะพร้าว จ้องปืนไปทางเรือนของว. อีกพวกหนึ่งไปหมอบที่ใต้ต้นลองกองหันปากกระบอกปืนไปทางเรือนของว.และอ.แล้วจำเลยกับพวกก็พากันยิงเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมๆ กัน ปรากฏว่ามีคนถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ และฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว แม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันกระทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาจากการยิงปืนในที่สาธารณะ แม้ไม่ทราบกระสุนใครถูกใคร
การที่จำเลยทุกคนมาด้วยกันเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน เพื่อทำการจับกุมคนร้ายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้แยกออกเป็นสองพวกๆ ละ 5 คน พวกหนึ่งไปหมอบอยู่ใต้ต้นมะพร้าว จ้องปืนไปทางเรือนของ ว. อีกพวกหนึ่งไปหมอบที่ใต้ต้นลองกองหันปากกระบอกปืนไปทางเรือนของ ว. และ อ.แล้วจำเลยกับพวกก็พากันยิงเข้าไปในที่เกิดเหตุพร้อมๆ กันปรากฏว่ามีคนถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้ว
การที่จำเลยทุกคนต่างใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนประชาชนซึ่งมีคนอยู่บนเรือนและที่พื้นดินในบริเวณนั้นพร้อมๆ กัน จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการยิงของจำเลยกับพวกได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ได้ เมื่อปรากฏว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนของจำเลยกับพวกถึงแก่ความตายและบาดเจ็บและฟังได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดแล้วแม้จะไม่ได้ความแน่ชัดว่ากระสุนปืนของจำเลยคนใดถูกผู้ตายทั้งสามคนนั้นคนใดบ้าง ก็ถือได้ว่าจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา และพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท - การเปรียบเทียบปรับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย - สิทธิฟ้องคดีอาญา
จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เป็นทั้งความผิดลหุโทษและที่มิใช่ลหุโทษ แต่ชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาในความผิดลหุโทษแต่บทเดียว แล้วเปรียบเทียบปรับไป ถือว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ทำให้คดีเลิกกันอันเป็นเหตุให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไป พนักงานอัยการมีสิทธิฟ้องจำเลยในความผิดที่มิใช่ลหุโทษอีกได้
คืนเกิดเหตุมีการชุมนุมกันกระทำพิธีสวดมนต์ทำบุญฉลองกระดูกผู้ตายตามพุทธศาสนาบนหอสวดมนต์ จำเลยขึ้นมาส่งเสียงเอะอะอื้อฉาวซ้ำยังกล่าวว่า พระนี่ยุ่งจริง พระไม่มีความหมายแล้วจำเลยนั่งลงใช้มือตบกระดาน 7-8 ครั้งและชักปืนพกออกจากเอวมาถือไว้ หันปากกระบอกปืนมาทางพระ แล้วปืนตกลงยังพื้นหอสวดมนต์ การกระทำของจำเลยดังกล่าว ถึงแม้ผู้ที่ไปชุมนุมกันจะไม่มีปฏิกิริยาวุ่นวายขึ้นก็ตาม ก็ยังถือได้ว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปรียบเทียบปรับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในความผิดลหุโทษ ย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องในความผิดที่หนักกว่า
จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทเป็นทั้งความผิดลหุโทษและที่มิใช่ลหุโทษ แต่ชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาในความผิดลหุโทษแต่บทเดียวแล้วเปรียบเทียบปรับไป ถือว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ทำให้คดีเลิกกันอันเป็นเหตุให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไป พนักงานอัยการมีสิทธิฟ้องจำเลยในความผิดที่มิใช่ลหุโทษอีกได้
คืนเกิดเหตุมีการชุมนุมกันกระทำพิธีสวดมนต์ทำบุญฉลองกระดูกผู้ตายตามพุทธศาสนาบนหอสวดมนต์ จำเลยขึ้นมาส่งเสียงเอะอะอื้อฉาว ซ้ำยังกล่าวว่า พระนี่ยุ่งจริงพระไม่มีความหมายแล้วจำเลยนั่งลงใช้มือตบกระดาน 7-8 ครั้งและชักปืนพกออกจากเอวมาถือไว้ หันปากกระบอกปืนมาทางพระแล้วปืนตกลงยังพื้นหอสวดมนต์ การกระทำของจำเลยดังกล่าวถึงแม้ผู้ที่ไปชุมนุมกันจะไม่มีปฏิกิริยาวุ่นวายขึ้นก็ตาม ก็ยังถือได้ว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลจำกัดเฉพาะคู่ความในคดีแยก พิจารณาเฉพาะจำเลยในสำนวนที่เกี่ยวข้อง
ในสำนวนคดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยกับ ต. ว่าร่วมกันกระทำความผิดต.รับสารภาพ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่และพิพากษาลงโทษ ต. ไปในคดีเดิมในคดีใหม่นี้บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาด้วย ต.เป็นจำเลยในคดีสำนวนอื่นซึ่งศาลมิได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้จึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึง ต. ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดอำนาจศาลในการพิพากษาถึงจำเลยในคดีที่แยกพิจารณา
ในสำนวนคดีเดิม โจทก์ฟ้องจำเลยกับ ต. ว่าร่วมกันกระทำความผิด ต.รับสารภาพศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่และพิพากษาลงโทษ ต. ไปในคดีเดิมในคดีใหม่นี้บุคคลนอกคดีไม่อาจสอดเข้ามาอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาด้วย ต.เป็นจำเลยในคดีสำนวนอื่นซึ่งศาลมิได้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ จึงมิใช่จำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 แต่เป็นจำเลยคดีอื่นที่ไม่มีทางที่จะอุทธรณ์เข้ามาในคดีนี้ต่างหาก ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะยกเอาเหตุซึ่งอยู่ในส่วนลักษณะคดีมาพิพากษาตลอดไปถึง ต. ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบรายละเอียดการกระทำของจำเลยที่ผูกพันรับผิดตามสัญญาซื้อสินค้าเชื่อ ไม่ถือเป็นการสืบนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายใบขอซื้อสินค้าเชื่อซึ่งจำเลยลงชื่อไว้ให้โจทก์และรับเงินไปจากโจทก์ โดยจำเลยรับรองว่าหากโจทก์นำใบขอซื้อสินค้าเชื่อนั้นไปขึ้นสินค้าไม่ได้ จำเลยยอมคืนเงินให้ ชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ภริยาจำเลยเป็นผู้นำใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยไปขายให้โจทก์และรับเงินไปจากโจทก์ ทั้งนี้โดยจำเลยบอกโจทก์ว่าจำเลยต้องขับรถไม่มีเวลามาติดต่อ จึงใช้ให้ภริยาจำเลยมาติดต่อ และจำเลยรับรองกับโจทก์ว่าถ้าโจทก์ไปรับสินค้าไม่ได้ จำเลยจะคืนเงินให้การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นการสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่จำเลยได้มาขายสิทธิตามใบขอซื้อสินค้าเชื่อของตน อันเป็นมูลเหตุแห่งหนี้ที่จำเลยได้เข้าตกลงยินยอมผูกพันรับผิดต่อโจทก์ด้วยตัวของจำเลยเอง จึงเกี่ยวแก่ประเด็นแห่งคดีโดยตรง โจทก์มีสิทธินำสืบได้ หาเป็นการสืบนอกฟ้องไม่
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2515)
of 14