พบผลลัพธ์ทั้งหมด 139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูเกิดขึ้นเมื่อเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนการเสียชีวิตของผู้มีหน้าที่
โจทก์เพิ่งจะได้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายแก้วผู้ตาย ซึ่งเป็นบิดาตามคำสั่งศาล และคดีถึงที่สุดเมื่อนายแก้วได้ตายไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูจากจำเลยฐานละเมิดที่ทำให้นายแก้วบิดาตนถึงแก่ความตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกสภาพไม้แปรรูปเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายป่าไม้: ไม้ที่ตกแต่งเป็นรูปลักษณ์เครื่องใช้แต่ไม่มีเจตนาใช้งานจริง ไม่ถือเป็นเครื่องใช้
ไม้ของกลางมีลักษณะใหม่และสด ตัดมาจากป่าไม่เกินสองปี ดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเตียงนอนเพียงแต่ไสกบตบแต่งและบางชิ้นทาแชลแล็คไว้ลักษณะของไม้ดังกล่าวประกอบเป็นเครื่องใช้พอเป็นพิธีมิได้มีเจตนาจะใช้เป็นเตียงนอนอย่างจริงจัง แต่เป็นการทำเพียงให้เห็นเป็นรูปลักษณะของเตียงนอนเพื่อพรางหรือลวงโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะถือว่าเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 4(4)หาได้ไม่ แต่เป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าไม้แปรรูปอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้เพื่อเลี่ยงกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางมีลักษณะใหม่และสด ตัดมาจากป่าไม่เกินสองปี ดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเตียงนอน เพียงแต่ไสกบตบแต่งและบางชิ้นทาแชลแล็คไว้ ลักษณะของไม้ดังกล่าวประกอบเป็นเครื่องใช้พอเป็นพิธี มิได้มีเจตนาจะใช้เป็นเตียงนอนอย่างจริงจัง แต่เป็นการทำเพียงให้เห็นเป็นรูปลักษณะของเตียงนอนเพื่อพรางหรือลวงโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงกฎหมาย จะถือว่าเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4(4)หาได้ไม่ แต่เป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักแปรรูปบนเรือโป๊ะ ไม่เข้าข่ายสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ จึงเป็นไม้แปรรูปผิดกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางเป็นไม้สักแปรรูปเป็นแผ่นกระดานหนา นำมาปูพื้นเรือโป๊ะ ขนาดใหญ่การปูปูเอาไว้หยาบๆ เพียงให้หัวไม้และท้ายไม้ต่อชนกัน ไม่ได้ทำให้เข้ากันให้สนิท และยังมีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ห่างกันมาก ไม่ได้ไสกบตบแต่งให้เรียบร้อย ทั้งลักษณะของไม้ก็เป็นไม้ที่ใหม่สด ใช้ตะปูตีตอกทุกแผ่น โดยไม่เปิดช่องไว้สำหรับวิดน้ำเลย แสดงว่าทำไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ดังนี้ ไม้ของกลางจึงไม่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ตามความหมายในมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูป
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักแปรรูปบนเรือโป๊ะไม่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ แต่เป็นไม้แปรรูปที่ผิดกฎหมายป่าไม้
ไม้ของกลางเป็นไม้สักแปรรูปเป็นแผ่นกระดานหนานำมาปูพื้นเรือโป๊ะ ขนาดใหญ่การปูปูเอาไว้หยาบๆเพียงให้หัวไม้และท้ายไม้ต่อชนกัน ไม่ได้ทำให้เข้ากันให้สนิทและยังมีช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ห่างกันมาก ไม่ได้ไสกบตบแต่งให้เรียบร้อย ทั้งลักษณะของไม้ก็เป็นไม้ที่ใหม่สดใช้ตะปูตีตอกทุกแผ่น โดยไม่เปิดช่องไว้สำหรับวิดน้ำเลยแสดงว่าทำไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ดังนี้ไม้ของกลางจึงไม่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ตามความหมายในมาตรา 4(4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ฯต้องถือว่าเป็นไม้แปรรูป
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ศาลล่างพิพากษายกฟ้องด้วยข้อกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยด้วย เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตรงข้ามกับศาลล่าง และเห็นว่าโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานมาจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเนื่องจากการยุยงส่งผลให้สิทธิเรียกร้องเงินค่าตอบแทนสิ้นสุดลง
จทก์จำเลยตกลงกันว่านับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของห้างหุ้นส่วนและไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานต่างๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายดังนี้ การที่โจทก์ไปพูดกับคนงานของจำเลยว่าทำงานมากหรือน้อย ก็ได้ค่าแรงเท่ากันก็ดี โจทก์ไปพูดกับผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลยว่าจำเลยจะล้มละลายอยู่แล้ว ส่งของให้ทำไม ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของจำเลยหรือเข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นการผิดต่อกฎหมายตามข้อตกลงในสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเนื่องจากยุแหย่คนงานและผู้ส่งวัสดุ ทำให้สิทธิเรียกร้องเงินค่าตอบแทนสิ้นสุดลง
โจทก์จำเลยตกลงกันว่านับแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของห้างหุ้นส่วน และไม่ให้โจทก์เข้าไปก่อกวนความสงบและการทำงานของ พนักงานต่างๆ ของห้างหุ้นส่วน ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ดังนี้ การที่โจทก์ไปพูดกับคนงานของจำเลยว่าทำงานมากหรือน้อย ก็ได้ค่าแรงเท่ากันก็ดี โจทก์ไปพูดกับผู้ส่งวัสดุก่อสร้างให้แก่จำเลย ว่าจำเลยจะล้มละลายอยู่แล้ว ส่งของให้ทำไม ก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่อง ที่โจทก์เข้าไปใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับกิจการใดๆ ของจำเลยหรือเข้าไป ก่อกวนความสงบและการทำงานของพนักงานของจำเลยซึ่งเป็นการ ผิดต่อกฎหมายตามข้อตกลงในสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2063/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์วัตถุประดับในโบสถ์ ไม่ใช่ความผิดตาม ม.335 ทวิ หากไม่ใช่ 'วัตถุในทางศาสนา'
ความในวรรคสอง ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ นั้น สืบเนื่องมาจากความในวรรคแรก คือ ถ้าการลักทรัพย์ดังที่ระบุไว้ในวรรคแรกนั้นกระทำในสถานที่ดังที่ระบุไว้ในวรรคสองผู้กระทำผิดจะต้องรับโทษหนักขึ้น
ฟ้องว่า จำเลยลักถ้วยเคลือบอย่างเก่าซึ่งฝังอยู่ที่ผนังโบสถ์ซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนา อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน ย่อมมีความหมายแต่เพียงว่า โบสถ์นั้นเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน แม้จะเป็นความจริงเช่นนั้น แต่ถ้วยเคลือบอย่างเก่าซึ่งฝังอยู่ที่ผนังโบสถ์ก็เป็นวัตถุที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วัตถุในทางศาสนาซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนไปด้วย จำเลยลักเอาถ้วยเคลือบนั้นไปจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ทวิ
ฟ้องว่า จำเลยลักถ้วยเคลือบอย่างเก่าซึ่งฝังอยู่ที่ผนังโบสถ์ซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนา อันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน ย่อมมีความหมายแต่เพียงว่า โบสถ์นั้นเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน แม้จะเป็นความจริงเช่นนั้น แต่ถ้วยเคลือบอย่างเก่าซึ่งฝังอยู่ที่ผนังโบสถ์ก็เป็นวัตถุที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วัตถุในทางศาสนาซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนไปด้วย จำเลยลักเอาถ้วยเคลือบนั้นไปจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบตามเงื่อนไข เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่แจ้งผู้สู้ราคา
ศาลซึ่งได้รับมอบหมายจากศาลซึ่งพิจารณาพิพากษาคดี ให้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาดแทนนั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่ชอบ และความไม่ถูกต้องของการบังคับคดีปรากฏขึ้นต่อศาลโดยชัดแจ้งศาลซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนนั้นย่อมมีอำนาจสั่งไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่กระทำโดยไม่ชอบนั้นเสียได้ เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 หาเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 ไม่
เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งเงื่อนไขให้ผู้เข้าสู้ราคาทุกคนทราบก่อนขายทอดตลาดทรัพย์ว่า. ในการสู้ราคาจะนับหนึ่งถึงสามก่อนเคาะไม้ตกลงขาย เมื่อมีผู้เสนอราคาเจ้าพนักงานบังคับคดีกลับเคาะไม้ตกลงขายไปทีเดียว โดยไม่นับหนึ่งถึงสามเสียก่อน เป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข การขายทอดตลาดนั้นจึงไม่ชอบ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเคาะไม้ตกลงขายให้แก่ผู้สู้ราคาสูงสุด ก็หาเป็นเหตุให้การขายทอดตลาดนั้นสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2515)
เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งเงื่อนไขให้ผู้เข้าสู้ราคาทุกคนทราบก่อนขายทอดตลาดทรัพย์ว่า. ในการสู้ราคาจะนับหนึ่งถึงสามก่อนเคาะไม้ตกลงขาย เมื่อมีผู้เสนอราคาเจ้าพนักงานบังคับคดีกลับเคาะไม้ตกลงขายไปทีเดียว โดยไม่นับหนึ่งถึงสามเสียก่อน เป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข การขายทอดตลาดนั้นจึงไม่ชอบ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเคาะไม้ตกลงขายให้แก่ผู้สู้ราคาสูงสุด ก็หาเป็นเหตุให้การขายทอดตลาดนั้นสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุบรรเทาโทษจากพฤติการณ์การกระทำ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจปรับลดโทษได้
แม้ข้อนำสืบของจำเลยจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่การพิจารณา และถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ แต่พฤติการณ์การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเหตุอื่นซึ่งเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่ง ที่ศาลจะถือเป็นเหตุลดโทษให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วถึงแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาปัญหาข้อนี้ขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อที่เป็นคุณแก่จำเลยขึ้นปรับกำหนดโทษจำเลยใหม่ได้
ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงหนึ่งในสาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็มีอำนาจลดโทษให้ถึงกึ่งหนึ่งได้
ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงหนึ่งในสาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็มีอำนาจลดโทษให้ถึงกึ่งหนึ่งได้