พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารทางราชการที่ออกตามหน้าที่ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ไม่ถือเป็นเอกสารปลอม
จำเลยที่ 4 เป็นนายทะเบียนตำบล มีหน้าที่ออกมรณบัตรในกรณีที่มีผู้ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 4 ได้ออกมรณบัตรให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีข้อความแสดงว่า นาย ท.ราษฎรในตำบลนั้น ได้ถึงแก่ความตายแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จความจริงนาย ท. ยังมีชีวิตอยู่ ดังนี้ เอกสารที่จำเลยที่ 4ออกนั้น ได้ออกให้ตามหน้าที่ที่เป็นนายทะเบียนจึงเป็นเอกสารอันแท้จริงของจำเลยที่ 4 แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริง ก็ไม่ทำให้เอกสารนั้นกลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 4 จึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณะริมคลอง: สิทธิการเช่าและการครอบครอง
คันคลองสาธารณะซึ่งน้ำท่วมถึงทุกปีในฤดูน้ำ เป็นที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) ผู้ใดหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่
สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) นั้น แม้จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้เช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511)
สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2) นั้น แม้จำเลยจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้เช่า และฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1532/2509 และ 880/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์: ลูกจ้างสั่งซื้อน้ำมันแล้วนำไปขายเอง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นลูกจ้างของโรงแรมโจทก์ร่วมทำหน้าที่เป็นช่างไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์นำสตีมสำหรับทำน้ำร้อน และเครื่องซักผ้า และได้รับมอบหมายให้สั่งซื้อน้ำมันดีเซลมาใช้กับเครื่องยนต์ครั้งละ 6,000 ลิตร โดยบริษัทผู้ขายน้ำมันจะบรรทุกน้ำมันมาถ่ายลงถังที่โรงแรมโจทก์ร่วม และจำเลยที่ 1 หรือที่ 2 เป็นผู้เซ็นรับในใบสั่งน้ำมัน คราวเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับรถส่งน้ำมันของบริษัทผู้ขายได้บรรทุกน้ำมันมาส่งให้โรงแรมโจทก์ร่วมตามที่จำเลยที่ 2 สั่งซื้อ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เซ็นรับน้ำมัน และโจทก์ร่วมก็ได้จ่ายค่าน้ำมันไปแล้ว จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเอาน้ำมันดังกล่าวไปขายเสียไม่ได้ถ่ายน้ำมันลงเก็บในถังไว้ใช้กับเครื่องยนต์ ดังนี้ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการปล่อยตัวนักโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ: ศาลจังหวัดนนทบุรีมีอำนาจเหนือศาลทหารกรุงเทพ
จำเลย (ที่ 1) ถูกศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ตัดสินให้ประหารชีวิตเมื่อ พ.ศ.2503 แต่จำเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้งตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2504 และ พ.ศ. 2506 ลดโทษลงเป็นจำคุก 20 ปี นับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2502 จำเลยจึงเป็นนักโทษเด็ดขาด ถูกจำคุกไว้ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครั้นต่อมาได้มี พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2514 ออกใช้บังคับ ซึ่งผู้ร้องผู้เป็นภริยาจำเลยเห็นว่า ตามความในมาตรา 5(จ)
จำเลยอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ก็ยังมิได้รับการพิจารณาสั่งปล่อย ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 โดยถือว่าจำเลยถูกควบคุมโดยผิดกฎหมาย การยื่นคำร้องดังกล่าวนั้นต้องยื่นต่อศาลจังหวัดนนทบุรีตามความในมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจแก่ศาลแห่งท้องที่ที่ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษอยู่ในเขตมีอำนาจออกหมายสั่งปล่อย หาใช่ศาลทหารกรุงเทพ(ศาลอาญา) ไม่ เพราะมิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่าถูกจำคุก ผิดจากคำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา)
จำเลยอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ก็ยังมิได้รับการพิจารณาสั่งปล่อย ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 โดยถือว่าจำเลยถูกควบคุมโดยผิดกฎหมาย การยื่นคำร้องดังกล่าวนั้นต้องยื่นต่อศาลจังหวัดนนทบุรีตามความในมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจแก่ศาลแห่งท้องที่ที่ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษอยู่ในเขตมีอำนาจออกหมายสั่งปล่อย หาใช่ศาลทหารกรุงเทพ(ศาลอาญา) ไม่ เพราะมิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่าถูกจำคุก ผิดจากคำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเครื่องสล๊อทแมชีน: หลักฐานคำฟ้องด้วยวาจาพิสูจน์ได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อเล่นการพนันโดยเฉพาะ
บันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาของผู้ว่าคดีเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง
เมื่อปรากฏในบันทึกหลักฐานการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์แล้วว่าเครื่องสล๊อทแมชีนของกลางเป็นเครื่องเล่นการพนันที่ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเล่นการพนันโดยเฉพาะ จะเล่นเป็นเกมอย่างอื่นไม่ได้ จำเลยรับสารภาพไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่น เครื่องสล๊อทแมชีนของกลางจึงเป็นของที่ควรริบ
เมื่อปรากฏในบันทึกหลักฐานการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์แล้วว่าเครื่องสล๊อทแมชีนของกลางเป็นเครื่องเล่นการพนันที่ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเล่นการพนันโดยเฉพาะ จะเล่นเป็นเกมอย่างอื่นไม่ได้ จำเลยรับสารภาพไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่น เครื่องสล๊อทแมชีนของกลางจึงเป็นของที่ควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับพิจารณาเนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจโทษของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 1,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำคุก 1 ปีสถานเดียว และไม่รอการลงโทษ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยจึงฎีกาในเรื่องดุลพินิจขอให้วางโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องดุลพินิจโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำคุก 1 ปีสถานเดียว และไม่รอการลงโทษ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยจึงฎีกาในเรื่องดุลพินิจขอให้วางโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาซื้อขาย/เช่า และค่าเสียหายจากการผิดสัญญา โดยจำเลยต้องรับผิดเฉพาะการผิดสัญญาของตนเอง
จำเลยทำสัญญาซื้อที่ดินและตึกจาก ส. โดยโจทก์มิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และจำเลยไม่เคยบอกให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงไม่อาจคาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าว่าจำเลยจะเอาเงินค่าตอบแทนการโอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาท ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยไปชำระให้ ส. เมื่อจำเลยถูก ส. ริบมัดจำ เพราะผิดสัญญากับ ส.เอง ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาของโจทก์ ดังนี้ โจทก์ไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยเพราะไม่ใช่ค่าเสียหายซึ่งตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้ตามมาตรา 222 และไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายตามมาตรา 215 ทั้งไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตาม มาตรา 222 วรรคท้ายด้วย
โจทก์เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะต้องเรียกเพิ่มเติมเสียให้ถูกต้องต่อไปไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาไปแล้วสิ้นผลแต่ประการใด
โจทก์เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะต้องเรียกเพิ่มเติมเสียให้ถูกต้องต่อไปไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาไปแล้วสิ้นผลแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาซื้อขาย/เช่า และค่าเสียหายจากการผิดสัญญา ต้องพิจารณาความเกี่ยวข้องโดยตรงและคาดหมายได้
จำเลยทำสัญญาซื้อที่ดินและตึกจากส. โดยโจทก์มิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย และจำเลยไม่เคยบอกให้โจทก์ทราบ โจทก์ทราบ โจทก์จึงไม่อาจคาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าว่าจำเลยจะเอาเงินค่าตอบแทนการโอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาท ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยไปชำระให้ ส.เมื่อจำเลยถูกส.ริบมัดจำเพราะผิดสัญญากับส.เอง ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ และไม่ได้เกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาของโจทก์ ดังนี้ โจทก์ไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยเพราะไม่ใช่ค่าเสียหายซึ่งตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้ตามมาตรา 222 และไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายตามมาตรา 215 ทั้งไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษตาม มาตรา 222 วรรคท้ายด้วย
โจทก์เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะต้องเรียกเพิ่มเติมเสียให้ถูกต้องต่อไป ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาไปแล้วสิ้นผลแต่ประการใด
โจทก์เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะต้องเรียกเพิ่มเติมเสียให้ถูกต้องต่อไป ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษาไปแล้วสิ้นผลแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646-1649/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดีซ้ำ แม้ผู้เสียหายฟ้องแล้ว และฟ้องจำเลยอื่นได้
แม้ผู้เสียหายจะได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาไว้สำนวนหนึ่งแล้วก็ไม่มีกฎหมายจำกัดอำนาจของพนักงานอัยการมิให้ฟ้องจำเลยนั้นในเรื่องเดียวกันเป็นคดีใหม่อีกสำนวนหนึ่ง