คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพรียบ หุตางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิดไม่ต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าว: ความผิดสำเร็จรายปี
การไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกำหนดในปีใดก็เป็นความผิดสำเร็จสำหรับปีนั้น คดีโจทก์สำหรับปีที่ จำเลยขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวซึ่งอยู่ในระยะเกินกว่า 1 ปี ก่อนโจทก์ฟ้อง ย่อมขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 942/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงซ้ำ และฎีกาเรื่องริบของกลางไม่ถูกต้อง
ฎีกาขอให้ริบของกลางโดยกล่าวขึ้นมาลอย ๆ ไม่ปรากฏว่าเป็นของกลางรายใด และไม่แสดงเหตุแห่งข้อเท็จจริงว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชอบไม่ควรประการใด เป็นฎีกาที่ไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดต้องกันมาแล้วว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นชัดว่าจำเลยกระทำการขนย้ายข้าวเพื่อจะนำออกไปนอกราชอาณาจักร ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 13 ทวิ(2) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 6 จำคุก 5 ปี การที่โจทก์ฎีกาว่าพยานหลักฐานและพฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจะขนย้ายข้าวของกลางออกไปนอกราชอาณาจักรต้องลงโทษด้วยมาตรา 13ทวิ(1) แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าวข้างต้นเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้ว ต้องห้ามมิให้ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุดลง
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาล เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมหลังชำระหนี้: เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว สิทธิในการขอเพิกถอนนิติกรรมย่อมสิ้นสุด
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 นั้น หากจำเลยนำเงินกู้ตามคำพิพากษามาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยอันจะขอให้เพิกถอนต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งเจตนาออกเช็คเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่อาจฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน โดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์ร่วมโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เมื่อข้อฎีกาขอบจำเลยที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย มีใจความเป็นการโต้แย้งว่า จำเลยออกเช็ค โดยมิได้มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฎีกาของจำเลยย่อมเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าใช้จ่ายก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องทดแทนค่าใช้จ่ายของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัท ไม่ใช่ค่าจ้าง, อายุความ 2 ปีไม่ใช้ได้
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้วหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าใช้จ่ายในการก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องของผู้เริ่มก่อตั้ง และอายุความ
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้อง ฟ้องของมาตรา172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(8), 526,1108(2) โจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลย
ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636-638/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่ผู้เช่า และประเด็นอำนาจฟ้อง/การบอกเลิกสัญญาเช่า
คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ว่าจำเลยอุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเห็นควรรับอุทธรณ์ทั้งหมด จึงรับเป็นอุทธรณ์นั้น ยังถือไม่ได้ว่ามีการรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ข้อเท็จจริงมาโดยไม่ถูกต้อง แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยและฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ หากมีการฎีกาข้อเท็จจริงต่อมา ถือว่าไม่ใช่ข้อที่ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่ง มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินและห้องอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมได้โดยลำพังเพราะเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 ซึ่งหมายความรวมถึงการต่อสู้ในฐานะเป็นโจทก์ด้วยมิใช่เฉพาะการต่อสู้ในฐานะจำเลยเท่านั้น
เมื่อมีการบอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมมาฟ้องเรียกทรัพย์ที่เช่าคืนจากผู้เช่า ถือไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของการเป็นเจ้าของรวม
ปัญหาที่ว่า จำเลยเช่าที่ดินและห้องของโจทก์เพื่ออยู่อาศัยหรือประกอบการค้าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มิได้กล่าวโดยชัดแจ้งให้คลุมถึงการเช่าห้องด้วย ศาลย่อมไม่อาจจะยกเอาความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยเกี่ยวกับการเช่าห้องได้
การเช่าห้องภายหลังจากวันประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ห้องเช่านั้นไม่เป็นเคหะควบคุมอันจะได้รับความคุ้มครอง
โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยปรากฏชัดแจ้งจากหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้วว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะทำสัญญาให้จำเลยเช่าห้องและที่ดินของโจทก์ต่อไป การที่โจทก์ยังรับเงินเท่าค่าเช่าจากจำเลย โดยโจทก์ถือเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์ ย่อมมิใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ แต่เป็นเรื่องโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายซึ่งโจทก์ได้รับอยู่เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันบังคับใช้ได้ หากเกิดจากข้อพิพาทและมีลงชื่อรับรอง
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุจากกระทรวงการคลัง แต่เข้าครอบครองที่ดินไม่ได้เพราะจำเลยถือสิทธิครอบครองอยู่ก่อนโจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยยอมรื้อบ้านเรือนออกไปภายใน 15 วัน และโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกข้อตกลง ถือได้ว่าบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย, สิทธิในบำนาญตกทอด, ฟ้องซ้ำ, และขอบเขตคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของหลวง ฉ. มีสิทธิได้รับเงินบำนาญตกทอดของหลวง ฉ. และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับเงินรายนี้การที่ศาลวินิจฉัยด้วยว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับหลวง ฉ. เป็นโมฆะ โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของหลวง ฉ. ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องขอรับเงินรายนี้ไม่ถือว่าพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสและการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับหลวง ฉ. เป็นโมฆะให้เพิกถอนเสีย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าหลวง ฉ.ถึงแก่ความตาย แล้ว การสมรสย่อมสิ้นสุดลง จึงเป็นฟ้องที่ไม่ควรรับไว้พิจารณา เพราะคำขอของโจทก์ไม่เกิดผลอะไรแก่สิทธิในครอบครัวเป็นเรื่องที่ศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นตามคำขอของโจทก์ โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 17