พบผลลัพธ์ทั้งหมด 317 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับโอนที่ดินหลังออกโฉนดให้ผู้อื่น โจทก์ต้องฟ้องเพิกถอนโฉนดก่อนจึงจะชนะคดี
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินที่พิพาทให้ออกโฉนดเป็นของ บ.บุคคลภายนอกไปแล้ว โดยโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้ บ.ว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดิน: สิทธิในการบังคับโอนเมื่อโฉนดออกให้ผู้อื่น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินพิพาทได้ออกโฉนดเป็นของ บ. บุคคลภายนอก ไปแล้ว โดยโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้บ. ว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายฝากโดยรู้อยู่ว่ามีคดีความ หมิ่นเหยียดสิทธิผู้อื่น ศาลเพิกถอนนิติกรรมได้
จำเลยที่ 2 รับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าที่พิพาทโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ยังเป็นความกันอยู่โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยฐานรับมรดกคดีอยู่ระหว่างฎีกาย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 รับซื้อฝากโดยสุจริตแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะยังไม่ถึงที่สุดก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับซื้อฝากไว้เป็นการเสียเปรียบแก่โจทก์ทั้งสองผู้อยู่ในฐานะอันจะได้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนการขายฝากระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับได้
การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลระงับการฟ้องได้
การยอมความในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายต้นไม้ในป่าสงวนแห่งชาติของผู้ได้รับอนุญาตทำกินเดิม ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ
ที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตจากทางการให้อยู่อาศัยทำกินเพราะจำเลยเคยทำกินมาก่อนต่อมาทางการได้ปลูกต้นไม้ในที่ดินดังกล่าว จำเลยได้เข้าไปไถในที่เกิดเหตุเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ ทำให้ต้นไม้ที่ทางการปลูกไว้เสียหาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 โดยถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติตามความหมายแห่งมาตรา 14ดังกล่าว(กรรมเดียวหลายบท)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายต้นไม้ในป่าสงวนแห่งชาติของผู้ได้รับอนุญาตทำกินก่อน การกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ
ที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตจากทางการให้อยู่อาศัย หากินเพราะจำเลยเคยทำกิจมาก่อน ต่อมาทางการได้ปลูกต้นไม้ ในที่ดินดังกล่าว จำเลยได้เข้าไปไถในที่เกิดเหตุเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ ทำให้ต้นไม้ที่ทางการปลูกไว้เสียหาย ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ พระราชบัญญัติป่าไม้สงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 โดยถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามความหมายแห่งมาตรา 14 ดังกล่าว (กรรมเดียวหลายบท)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำซัดทอดจากผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษ
คำเบิกความของผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกัน มีน้ำหนักน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิดที่ถูกฟ้องแยกคดี มีน้ำหนักน้อยไม่เพียงพอฟังลงโทษ
คำเบิกความของผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งถูกแยกฟ้อง เป็นอีกคดีหนึ่ง ถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่าง ผู้กระทำผิดด้วยกัน มีน้ำหนักน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1797/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของผู้อื่น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
ฟ้องของโจทก์กล่าวตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ และได้กล่าวต่อมาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ ซึ่งจะต้องรับผิดร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยที่ 1 เมื่ออ่านรวมกันพอเข้าใจความหมายได้ว่าจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อม เสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์เองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจริง โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อม เสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์เองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจริง โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น