พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ขายฝาก: สิทธิของผู้ซื้อฝากเมื่อผู้ขายฝากผิดนัดและจำเลยซื้อโดยสุจริต
แม้สัญญาขายฝากจะมีข้อความว่า เมื่อทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นสิทธิของผู้ซื้อฝากแล้ว ถ้าผู้ซื้อฝากขายทรัพย์นั้นได้เงินไม่ครบตามจำนวนที่ขายฝาก ยังขาดอยู่เท่าใด ผู้ขายฝากยอมใช้ให้ผู้ซื้อฝากจนครบก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่คู่กรณีได้ตกลงกันเป็นพิเศษ ไม่ขัดกับกฎหมาย และไม่ทำให้ลักษณะของสัญญาเปลี่ยนแปลงไปเป็นจำนำแต่อย่างใด
การที่ผู้ขายฝากลอบเอารถยนต์ที่ขายฝากไปขายให้แก่บุคคลอื่นอีกนั้น แม้ผู้ซื้อจะได้รับซื้อไว้โดยสุจริตก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้ออ้างเพื่อใช้ยันผู้รับซื้อฝากได้ในเมื่อต่อมาผู้ขายฝากไม่ไถ่รถยนต์ที่ขายฝากนั้นเสียภายในกำหนดตามสัญญา
การที่ผู้ขายฝากลอบเอารถยนต์ที่ขายฝากไปขายให้แก่บุคคลอื่นอีกนั้น แม้ผู้ซื้อจะได้รับซื้อไว้โดยสุจริตก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้ออ้างเพื่อใช้ยันผู้รับซื้อฝากได้ในเมื่อต่อมาผู้ขายฝากไม่ไถ่รถยนต์ที่ขายฝากนั้นเสียภายในกำหนดตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายฝากไม่มีผลทางกฎหมาย หนี้กู้ยืมยังคงมีผลบังคับใช้
การขายฝาก มีบัญญัติไว้เป็นเอกเทศสัญญาโดยเฉพาะ แต่นิติกรรมจะซื้อจะขายฝากมิได้มีบัญญัติไว้ในที่ใดให้มีได้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากจึงมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมาย
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์ และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้น โจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่ และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิม ซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์ และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้น โจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่ และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิม ซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายฝากไม่มีผลทางกฎหมาย สัญญาเดิมยังใช้บังคับได้
การขายฝาก มีบัญญัติไว้เป็นเอกเทศสัญญาโดยเฉพาะแต่นิติกรรมจะซื้อจะขายฝากมิได้มีบัญญัติไว้ในที่ใดให้มีได้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากจึงมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมาย
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้นั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยืนคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้นโจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิมซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้นั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยืนคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้นโจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิมซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าก่อนการไถ่ทรัพย์ขายฝาก: สัญญาเช่ายังมีผลแม้มีการไถ่ทรัพย์คืน
ขายฝากที่ดินและตึกแถวกันแล้ว แม้ผู้ขายฝากจะเอาตึกแถวไปให้คนอื่นเช่าในระหว่างขายฝากก็ตาม ถ้าได้ไถ่แล้ว ก็ต้องถือว่าทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขายฝากดุจว่าไม่มีการขายฝากไว้เลย ฉะนั้น สัญญาเช่าที่ผู้ขายฝากทำไว้ จึงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางและฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกัน: ขายฝากไม่ใช่การกู้ยืม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากจำเลยว่า โจทก์ขอกู้เงินและให้ที่ดินเป็นประกันเงินกู้ก่อนแล้วจึงตกลงไปทำสัญญาขายฝากกันเพื่อให้การประกันมีผลตามกฎหมาย ดังนี้ ไม่ใช่นิติกรรมอำพรางมีแต่การขายฝากเพียงนิติกรรมเพียง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงรับไปจัดหาผลประโยชน์จากที่ดินรายนี้ และฟ้องแย้งเรียกร้องเอาค่าผลประโยชน์ดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวข้อกับฟ้องเดิมของโจทก์ ควรให้แยกไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงรับไปจัดหาผลประโยชน์จากที่ดินรายนี้ และฟ้องแย้งเรียกร้องเอาค่าผลประโยชน์ดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวข้อกับฟ้องเดิมของโจทก์ ควรให้แยกไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมขายฝาก: เจตนาที่แท้จริง ไม่เป็นนิติกรรมอำพราง หากมีเพียงสัญญาขายฝาก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากที่ดินจากโจทก์และโอนคืนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยจริงตามฟ้อง แต่เจตนาอันแท้จริง โจทก์ขอกู้เงินจำเลย 2,500 บาท ให้ที่ดินเป็นหลักค้ำประกัน จึงได้ทำสัญญาขายฝากกันไว้เป็นนิติกรรมอำพราง และโจทก์ยังตกลงรับไปจัดหาประโยชน์จากที่ดินรายนี้ส่งให้จำเลยเดือนละ 125 บาททุกเดือน แต่โจทก์ส่งผลประโยชน์นั้นให้จำเลยเพียงเดือนเดียวแล้วติดค้างไม่ส่งเลย จำเลยจึงไม่ยอมรับไถ่การขายฝาก
เรื่องนิติกรรมนั้น จำเลยว่าโจทก์ขอกู้เงินและให้ที่ดินเป็นประกันเงินกู้ก่อนแล้วจึงตกลงไปทำสัญญาขายฝากกันเพื่อให้การประกันมีผลตามกฎหมาย ดังนี้ หาใช่นิติกรรมอำพรางไม่ เพราะนิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยมีแต่ขายฝากเพียงนิติกรรมเดียว การพูดขอกู้เงินเป็นเพียงการพูดจากันอันเป็นเหตุนำไปให้ทำสัญญาขายฝากเท่านั้น
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยจริงตามฟ้อง แต่เจตนาอันแท้จริง โจทก์ขอกู้เงินจำเลย 2,500 บาท ให้ที่ดินเป็นหลักค้ำประกัน จึงได้ทำสัญญาขายฝากกันไว้เป็นนิติกรรมอำพราง และโจทก์ยังตกลงรับไปจัดหาประโยชน์จากที่ดินรายนี้ส่งให้จำเลยเดือนละ 125 บาททุกเดือน แต่โจทก์ส่งผลประโยชน์นั้นให้จำเลยเพียงเดือนเดียวแล้วติดค้างไม่ส่งเลย จำเลยจึงไม่ยอมรับไถ่การขายฝาก
เรื่องนิติกรรมนั้น จำเลยว่าโจทก์ขอกู้เงินและให้ที่ดินเป็นประกันเงินกู้ก่อนแล้วจึงตกลงไปทำสัญญาขายฝากกันเพื่อให้การประกันมีผลตามกฎหมาย ดังนี้ หาใช่นิติกรรมอำพรางไม่ เพราะนิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยมีแต่ขายฝากเพียงนิติกรรมเดียว การพูดขอกู้เงินเป็นเพียงการพูดจากันอันเป็นเหตุนำไปให้ทำสัญญาขายฝากเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนขายฝาก - เพิกถอนนิติกรรม - จำเลยเพทุบาย - ศาลอนุญาตให้สืบพยานได้
ในกรณีทำสัญญาขายฝากต่อกันโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ก่อนพ้นกำหนดเวลา จำเลยเพทุบายหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายไม่ให้ไถ่ โจทก์จึงไม่ได้ไถ่ ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับเงินตามจำนวนที่ทำสัญญาขายฝากกันและโอนทรัพย์ที่ขายฝากคืนให้โจทก์นั้น ย่อมเป็นการขอให้ยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมขายฝากอยู่ในตัวแล้ว โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้ทำลายสัญญาขายฝากก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับเงินตามจำนวนที่ทำสัญญาขายฝากกันและโอนทรัพย์ที่ขายฝากคืนให้โจทก์นั้น ย่อมเป็นการขอให้ยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมขายฝากอยู่ในตัวแล้ว โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้ทำลายสัญญาขายฝากก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนขายฝาก - การเพิกเลิกนิติกรรม - จำเลยเพทุบายหลีกเลี่ยง
ในกรณีทำสัญญาขายฝากต่อกันโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ก่อนพ้นกำหนดเวลาจำเลยเพทุบายหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายไม่ให้ไถ่ โจทก์จึงไม่ได้ไถ่ ดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับเงินตามจำนวนที่ทำสัญญาขายฝากกันและโอนทรัพย์ที่ขายฝากคืนให้โจทก์นั้นย่อมเป็นการขอให้ยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมขายฝากอยู่ในตัวแล้วโจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้ทำลายสัญญาขายฝากก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับเงินตามจำนวนที่ทำสัญญาขายฝากกันและโอนทรัพย์ที่ขายฝากคืนให้โจทก์นั้นย่อมเป็นการขอให้ยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมขายฝากอยู่ในตัวแล้วโจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้ทำลายสัญญาขายฝากก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์ การแสดงเจตนาที่ไม่ชัดเจนไม่ถึงขั้นหลอกลวง
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งตามความใน มาตรา341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามโจทก์ฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฉ้อโกงต้องแสดงความเท็จหรือปกปิดความจริง การรับสัญญาขายฝากไว้เพื่อเก็บรักษาไม่ถือเป็นเจตนาฉ้อโกง
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งความตามใน ม.341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามฟ้องไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)