พบผลลัพธ์ทั้งหมด 268 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญา ยกฟ้องในข้อหาบุกรุก ไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการพิพาทสิทธิในที่ดิน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว ในคำพิพากษาคดีอาญานั้นยังมิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อมูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงยกฟ้องดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแพ่งอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญาบุกรุกยกฟ้อง ศาลมิได้วินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว ในคำพิพากษาคดีอาญานั้น ยังมิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อมูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงยกฟ้องดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแพ่งอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเสพและมีครอบครองยาเสพติดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษเป็นรายกระทง
ฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดเจนว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่ทราบจำนวน รับเข้าร่างกายด้วยการสูบ และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้มีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดซึ่งเหลือจากที่จำเลยเสพแล้วไว้ในความครอบครองของจำเลย ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยเสพเฮโรอีน และมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองจริง ทั้ง 2 กระทงความผิดเป็นความผิดที่แยกกันได้ เพราะข้อหาฐานมีเฮโรอีนนั้นโจทก์มุ่งถึงเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีอยู่หลังจากได้เสพไปบ้างแล้ว มิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองได้เสพไปแล้วซึ่งจะต้องมีอยู่จึงจะเสพได้จึงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานได้
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานเสพและมีเฮโรอีนครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษเป็นรายกระทง
ฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดเจนว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่ทราบจำนวนรับเข้าร่างกายด้วยการสูบ และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยได้มีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดซึ่งเหลือจากที่จำเลยเสพแล้วไว้ในความครอบครองของจำเลย ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยเสพเฮโรอีน และมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองจริง ทั้ง 2 กระทงความผิดเป็นความผิดที่แยกกันได้ เพราะข้อหาฐานมีเฮโรอีนนั้นโจทก์มุ่งถึงเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีอยู่หลังจากได้เสพไปบ้างแล้ว มิใช่เฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองได้เสพไปแล้วซึ่งจะต้องมีอยู่จึงจะเสพได้จึงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานได้
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด
เสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในความครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เป็นกระทงความผิด เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 มีผลใช้บังคับแล้ว ต้องลงโทษจำเลยเป็นรายกระทงความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปทำเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมายป่าไม้
บานประตูและบานหน้าต่างของกลางนั้น กรอบนอกส่วนหัวและส่วนกลางเข้าเดือยหรือลิ่มแน่นหนามั่นคงและเซาะเป็นร่องที่บาน เจตนาเพื่อใช้เป็นบานประตู บานหน้าต่างโดยเฉพาะแม้ส่วนหัวและส่วนท้ายไม่เรียบเสมอกัน ไสกบไม่เรียบร้อย ไม่มีรอยบากเพื่อใส่เหล็กริโก้หรือเพื่อใส่บานพับ จะนำไปใช้ประกอบสิ่งปลูกสร้างทีเดียวไม่ได้ ก็เป็นบานประตู บานหน้าต่าง สำเร็จรูปแล้วคงอยู่แต่จะตบแต่งติดตั้งเท่านั้น จึงเป็นเครื่องใช้สำหรับสิ่งปลูกสร้างแล้ว ไม่ใช่ไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูปแล้ว ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมายป่าไม้
บานประตูและบานหน้าต่างของกลางนั้น กรอบนอกส่วนหัวและส่วนกลางเข้าเดือยหรือลิ่มแน่นหนามั่นคง และเซาะเป็นร่องที่บานเจตนาเพื่อใช้เป็นบานประตู บานหน้าต่างโดยเฉพาะแม้ส่วนหัวและส่วนท้ายไม่เรียบเสมอกัน ไสกบไม่เรียบร้อย ไม่มีรอยบากเพื่อใส่เหล็กริโก้หรือเพื่อใส่บานพับ จะนำไปใช้ประกอบสิ่งปลูกสร้างทีเดียวไม่ได้ ก็เป็นบานประตู บานหน้าต่าง สำเร็จรูปแล้วคงอยู่แต่จะตบแต่งติดตั้งเท่านั้น จึงเป็นเครื่องใช้สำหรับสิ่งปลูกสร้างแล้วไม่ใช่ไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากบันดาลโทสะ: ศาลลดค่าเสียหายเมื่อผู้ถูกทำร้ายมีส่วนผิดในการข่มเหง
จำเลยกระทำละเมิดโดยใช้ขวานทำร้ายร่างกายโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากจำเลยถูกโจทก์ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม กล่าวคือโจทก์ได้ด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายและพาดพิงไปถึงบิดามารดาจำเลย ดังนี้ ถือว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์ประกอบด้วย ตามนัยบทบัญญัติมาตรา 442 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา 223ใช้บังคับโดยอนุโลม ศาลจึงมีอำนาจลดจำนวนค่าเสียหายลงได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากบันดาลโทสะ: ลดค่าเสียหายจากความผิดของโจทก์
จำเลยกระทำละเมิดโดยใช้ขวานทำร้ายร่างกายโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากจำเลยถูกโจทก์ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม กล่าวคือโจทก์ได้ด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายและพาดพิงไปถึงบิดามารดาจำเลย ดังนี้ ถือว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์ประกอบด้วย ตามนัยบทบัญญัติมาตรา 442 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา 223ใช้บังคับโดยอนุโลม ศาลจึงมีอำนาจลดจำนวนค่าเสียหายลงได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงรุนแรง ลดหย่อนโทษอาญา ฆ่าผู้อื่น
จำเลยอยู่กับผู้ตายซึ่งเป็นมารดาเลี้ยง จำเลยขอเงินผู้ตายเพื่อเอาไปให้หมอเป็นค่ารักษาไข้ ผู้ตายไม่ให้ และด่าจำเลยว่าลูกหมา ชาติหมา แล้วผู้ตายขึ้นไปชั้นบนถือปืนลูกซองลงมาจ้องจะยิงจำเลย จำเลยใช้มือซ้ายจับปากกระบอกปืนและใช้มือขวาจับด้ามขวาน เหวี่ยงสันขวานไปที่ขมับซ้ายของผู้ตาย ผู้ตายปล่อยปืนล้มนอนหงาย จำเลยแย่งปืนจากผู้ตายไว้ ขณะนั้นผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลย และไม่มีโอกาสทำร้ายจำเลยได้อีกแล้ว จำเลยยังใช้ปืนยิงผู้ตายถึง 2 นัดที่หน้าอกและศีรษะและยังใช้สันขวานทุบศีรษะผู้ตายอีก โดยกระทำไปด้วยความโกรธ พฤติการณ์เช่นนี้ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีก แต่การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยดังกล่าวแล้วและเอาปืนมาจ้องจะยิงจำเลย ข่มเหงจำเลยทั้งๆ ที่จำเลยหลบไปข้างประตู ผู้ตายยังถือปืนตามไปจ้องจะยิงจำเลยอีกจำเลยแย่งปืนได้ จึงใช้ปืนนั้นยิงและใช้ขวานทุบผู้ตาย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แม้จำเลยจะมิได้ยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง แม้การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ศาลลดโทษได้
จำเลยอยู่กับผู้ตายซึ่งเป็นมารดาเลี้ยง จำเลยขอเงินผู้ตายเพื่อเอาไปให้หมอเป็นค่ารักษาไข้ ผู้ตายไม่ให้ และด่าจำเลยว่าลูกหมา ชาติหมา แล้วผู้ตายขึ้นไปชั้นบนถือปืนลูกซองลงมาจ้องจะยิงจำเลย จำเลยใช้มือซ้ายจับปากกระบอกปืนและใช้มือขวาจับด้ามขวาน เหวี่ยงสันขวานไปที่ขมับซ้ายของผู้ตาย ผู้ตายปล่อยปืนล้มนอนหงาย จำเลยแย่งปืนจากผู้ตายไว้ ขณะนั้นผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลย และไม่มีโอกาสทำร้ายจำเลยได้อีกแล้ว จำเลยยังใช้ปืนยิงผู้ตายถึง 2 นัดที่หน้าอกและศีรษะและยังใช้สันขวานทุบศีรษะผู้ตายอีกโดยกระทำไปด้วยความโกรธ พฤติการณ์เช่นนี้ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีก แต่การที่ผู้ตายด่าว่าจำเลยดังกล่าวแล้วและเอาปืนมาจ้องจะยิงจำเลย ข่มเหงจำเลยทั้งๆ ที่จำเลยหลบไปข้างประตู ผู้ตายยังถือปืนตามไปจ้องจะยิงจำเลยอีกจำเลยแย่งปืนได้ จึงใช้ปืนนั้นยิงและใช้ขวานทุบผู้ตายดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แม้จำเลยจะมิได้ยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง