คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แผ้ว ศิวะบวร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผิดพลาดในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วม ศาลแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญา
อ. ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์บางส่วน แล้วโอนโฉนดทั้งหมดขายแก่จำเลย จำเลยให้โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดด้วยโดยระบุว่า 140 ส่วนใน 762 ส่วน โจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์สำคัญผิดที่ถูกเป็น 306 ส่วน ศาลบังคับจำเลยให้แบ่งตามส่วนที่ถูกต้องตามที่โจทก์สัญญากับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่อง: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคดีอาญาที่ถึงที่สุดในการพิจารณาคดีละเมิด
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การยกฟ้องในคดีอาญาทำให้คดีแพ่งต้องยกฟ้องตามไปด้วย
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยนมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ส เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายข้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีใหม่โดยโจทก์ต่างจากคดีเดิม แม้ประเด็นคล้ายกัน ไม่ขัดมาตรา 173 วรรคสอง(1)
การที่จำเลยในคดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา กลับเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนั้นเป็นจำเลยในคดีใหม่ด้วยเรื่องเดียวกัน ก็ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง(1) เพราะโจทก์ในคดีหลังนี้ไม่ใช่โจทก์คนเดียวกันกับคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการทำนาไม่ได้ แม้ฟ้องครั้งแรกเรียกค่าเสียหายในอนาคตได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อปูนซิเมนต์ออกจากคันนา และตกแต่งหัวคันนาให้เป็นสภาพเดิม ให้จำเลยเปิดช่องน้ำเข้าสู่นาโจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหายที่ทำนาไม่ได้ 1 ปี ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีใหม่เรียกค่าเสียหายที่ทำนาไม่ได้โดยไม่ชัดว่าจำเลยทำละเมิดขึ้นใหม่ ดังนี้ โจทก์เรียกค่าเสียหายในอนาคตในคดีก่อนได้ แต่ไม่เรียก คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ต้องระบุรายละเอียดสำคัญของคดีอาญาเดิม เพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องอายุความได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาคดีก่อน โดยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า "เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2515 ข้าพเจ้าจึงได้ทราบเรื่องว่า จำเลยหมิ่นประมาทข้าพเจ้า" และเบิกความในชั้นพิจารณาว่า "ข้าพเจ้ามารู้แน่ชัดว่าจำเลยร้องเรียนข้าพเจ้าไปยังกรมสรรพากรเอาต้นเดือนมีนาคม 2515" ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถ้าเบิกความไปตามความจริงแล้ว คดีดังกล่าวย่อมขาดอายุความ ดังนี้ ความจริงเป็นอย่างไร โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง ทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วก็ไม่อาจอนุมานเอาได้ นอกจากนั้นเมื่อโจทก์อ้างว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีก่อนโจทก์ก็ต้องบรรยายฟ้องพอให้เห็นความสำคัญนั้นๆด้วย การที่โจทก์กล่าวแต่เพียงว่า ถ้าจำเลยเบิกความตามความจริงแล้ว คดีจะขาดอายุความ โดยมิได้กล่าวให้ปรากฏในคำฟ้องคดีนี้ว่าคดีอาญาคดีก่อนเป็นคดีที่ใครฟ้องใคร ด้วยข้อหาอะไร เช่นนี้ ศาลย่อมไม่อาจพิเคราะห์ได้ว่าวัน เดือน ปี ตามคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในเรื่องอายุความของคดีอาญาคดีก่อนหรือไม่ ทั้งคำฟ้องของโจทก์จะต้องสมบูรณ์อยู่แล้วโดยศาลไม่จำต้องไปตรวจดูสำนวนคดีอื่นที่โจทก์อ้างถึงเอาเองก่อนฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมธรรม์ประกันภัยหมดอายุแล้วทำสัญญาใหม่ย้อนหลัง สัญญาใหม่ไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ก่อนวันที่เริ่มมีผล
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์สิ้นอายุเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม วันที่ 24 กรกฎาคม เกิดอุบัติเหตุ ต่อมาผู้รับประกันภัยออกกรมธรรม์ประกันใหม่ย้อนหลังไปถึงวันที่ 22 กรกฎาคมผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มต้นเมื่อบริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัย
กรมธรรม์ระบุว่า กรมธรรม์มีผลในวันที่บริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัยตามเช็ค ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยด้วยเช็คเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลาธนาคารปิดรับเช็คแล้ว จึงเข้าบัญชีเรียกเก็บได้ในวันจันทร์ที่ 1 มีนาคม เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ บริษัทไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ศาลแพ่งรับฟ้องแล้วถือว่าใช้ดุลพินิจพิจารณาคดี แม้ภูมิลำเนาจำเลยไม่อยู่ในเขตอำนาจ
คดีที่เกิดขึ้นนอกเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น เมื่อศาลแพ่งได้ประทับรับฟ้องคดี รวมทั้งรับคำให้การจำเลยตลอดจนสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระบวนความ ถือว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน มิใช่คำร้องทุกข์คดีอาญา อายุความจึงยังไม่เริ่มนับ
โจทก์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า อ.(จำเลย)ออกเช็คให้ผู้แจ้ง ธนาคารเรียกเก็บเงินไม่ได้ ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย ได้ติดต่อ อ. แล้วไม่พบ ในชั้นนี้ผู้แจ้งเพียงแต่มาแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบไว้เป็นหลักฐานชั้นหนึ่งก่อน หากติดตาม อ. ได้เมื่อใด ผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ อ. ในภายหลัง. ดังนี้ ข้อความที่โจทก์แจ้งดังกล่าวมีเจตนาเพียงมาแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้เป็นหลักฐานว่า จำเลยออกเช็คชำระหนี้เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ เพราะบัญชีของผู้สั่งจ่ายปิดแล้วเท่านั้น ขณะแจ้งผู้แจ้งไม่มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีกับ อ. ต่อไปประการใดไม่มีข้อความหรือพฤติการณ์ในขณะที่แจ้งความว่ามีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ส่วนข้อความที่ว่าหากติดตาม อ.ได้เมื่อใดผู้แจ้งจะนำเช็คของกลางมามอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในภายหลัง ก็เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่เป็นข้อบ่งว่าขณะแจ้งความนั้น ผู้แจ้งมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ข้อความที่แจ้งจึงไม่ใช่คำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7)(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2518)
of 40