พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก แม้มีพินัยกรรม และผลของการประนีประนอมยอมความต่อการเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก หาใช่เป็นบทบังคับให้ศาลจำต้องตั้งผู้จัดการมรดกตามที่ระบุในพินัยกรรมไม่ แม้ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมระบุไว้ก็ตาม แต่เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องคัดค้าน และขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก จึงเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่าผู้ใดในระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน และขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อศาลได้ดำเนินการพิจารณาอย่างคดีมีข้อพิพาท เป็นการเปิดโอกาสให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการสืบพยานไปบ้าง แต่ยังไม่หมดปาก และแต่ละฝ่ายต่างอ้างสำนวนคดีอื่นที่คู่ความในคดีนั้นได้ประนีประนอมยอมความกันในเรื่องทรัพย์มรดกผู้ตาย พร้อมพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อได้มีการเปิดโอกาสให้คู่ความคัดค้านก่อนได้แล้ว การที่ศาลพิพากษาตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกก็เป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน และขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อศาลได้ดำเนินการพิจารณาอย่างคดีมีข้อพิพาท เป็นการเปิดโอกาสให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้มีการสืบพยานไปบ้าง แต่ยังไม่หมดปาก และแต่ละฝ่ายต่างอ้างสำนวนคดีอื่นที่คู่ความในคดีนั้นได้ประนีประนอมยอมความกันในเรื่องทรัพย์มรดกผู้ตาย พร้อมพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อได้มีการเปิดโอกาสให้คู่ความคัดค้านก่อนได้แล้ว การที่ศาลพิพากษาตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกก็เป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสเมื่อหย่า: การแบ่งที่ดินชำระแล้ว, สินเดิมสูญเสีย, หนี้ระหว่างสมรส
ภริยาทำสัญญาจะซื้อที่ดินชำระราคาแล้วบางส่วน เมื่อหย่ากันสิทธิตามสัญญานี้เป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันด้วย
สินเดิมของภริยาซึ่งสูญไประหว่างสมรส การเอาสินสมรสใช้ต้องคิดตามราคาเดิม ไม่ใช่ราคาเมื่อหย่ากัน
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่ากันไม่ต้องหักใช้หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสและยังไม่ได้ชำระเสียก่อน เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดร่วมกันอยู่ และเป็นไปตามมาตรา 1518
สินเดิมของภริยาซึ่งสูญไประหว่างสมรส การเอาสินสมรสใช้ต้องคิดตามราคาเดิม ไม่ใช่ราคาเมื่อหย่ากัน
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่ากันไม่ต้องหักใช้หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสและยังไม่ได้ชำระเสียก่อน เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดร่วมกันอยู่ และเป็นไปตามมาตรา 1518
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: สิทธิผู้ซื้อทรัพย์ - การแจ้งวันขายทอดตลาด - อำนาจศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายทอดตลาดในการบังคับคดีใหม่ผู้ซื้อทรัพย์คนหนึ่งใน 3 คนที่รวมกันซื้อ ฎีกาได้เพราะมีส่วนได้เสีย
ศาลไม่ได้แจ้งวันขายทอดตลาดให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถ้าไม่ได้อ้างในศาลชั้นต้น และมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้
การขายทอดตลาดทรัพย์ในการบังคับคดี จะขายรวมหรือแยกขายก็ได้ ตามมาตรา 309
ศาลไม่ได้แจ้งวันขายทอดตลาดให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถ้าไม่ได้อ้างในศาลชั้นต้น และมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้
การขายทอดตลาดทรัพย์ในการบังคับคดี จะขายรวมหรือแยกขายก็ได้ ตามมาตรา 309
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานลายมือชื่อและผลของการหลบหนีของลูกหนี้
รายงานผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อในเอกสาร รับฟังได้โดยไม่ต้องให้ผู้ตรวจเบิกความประกอบ
ลูกหนี้อยู่ที่ซอย 22 สุขุมวิท บ้านเลขที่เท่าใดจำเลยจำไม่ได้โจทก์ตามหาไม่พบ ถือได้ว่าลูกหนี้หลบหนีหาตัวไม่ได้ ซึ่งฟ้องผู้ประกันได้ตามสัญญา
ลูกหนี้อยู่ที่ซอย 22 สุขุมวิท บ้านเลขที่เท่าใดจำเลยจำไม่ได้โจทก์ตามหาไม่พบ ถือได้ว่าลูกหนี้หลบหนีหาตัวไม่ได้ ซึ่งฟ้องผู้ประกันได้ตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายทรัพย์สาธารณประโยชน์: ป้ายบอกชื่อหนองน้ำสาธารณะเข้าข่ายทรัพย์เพื่อประโยชน์สาธารณะ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ป้ายบอกชื่อหนองน้ำสาธารณะ เป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยถอนป้ายทิ้ง จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าซื้อ แม้จำเลยไม่ได้ลงนาม ก็มีผลผูกพันโจทก์
โจทก์ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าแบบเก๋งจากบริษัทจำเลย และยังได้ทำหนังสือรับรองให้จำเลยยึดถือไว้มีความตอนแรกว่า"...นอกจากข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวแล้วข้าพเจ้าขอรับรองต่อบริษัทฯ ตามเงื่อนไขแห่งข้อความต่อไปนี้อีกด้วยคือ..."และข้อ 2 แห่งหนังสือรับรองก็ว่า "เนื่องจากราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่เช่าซื้อนี้บริษัทฯ ได้คิดให้ข้าพเจ้าในราคาต่ำกว่าราคาที่ขายทั่วไป ดังนั้นในระหว่างอายุแห่งสัญญาเช่าซื้อยังไม่ครบกำหนด ข้าพเจ้าจะไม่นำรถคันที่เช่าซื้อนี้โอนให้แก่บุคคลภายนอกไม่ว่าโดยนิตินัยหรือพฤตินัยเป็นอันขาด และหากข้าพเจ้าจะต้องออกจากงานของบริษัทไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ข้าพเจ้าจะต้องจัดการชำระค่าเช่าซื้อที่ติดค้างทั้งหมดแก่บริษัทฯ ทันที หรือจะต้องเพิ่มราคาค่าเช่าซื้อตามจำนวนที่บริษัทฯ ได้ลดให้และจัดหาหลักประกันให้แก่บริษัทฯ จนเป็นที่พอใจแล้วแต่กรณี" และในข้อ 3มีข้อความว่า "ให้ถือเอาเงื่อนไขแห่งหนังสือนี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งแห่งสัญญาเช่าซื้อฉบับลงวันที่ 11 เดือยเมษายน พ.ศ. 2512 โดยเป็นสารสำคัญอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ เดือนเมษายนพ.ศ. 2512 โดยเป็นสารสำคัญอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ ในกรณีที่ข้าพเจ้าปฏิบัติผิดสัญญานี้" จากข้อความในหนังสือรับรองดังกล่าวแล้วนี้ ล้วนแต่เป็นเงื่อนไขที่โจทก์สมัครใจยินยอมผูกพันตนกับจำเลยเองและยอมรับเอาผลที่จะเกิดจากการแสดงเจตนาตามข้อความในหนังสือรับรองนั้น ดังนั้นโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหนังสือรับรองดังกล่าว แม้จำเลยจะมิได้เซ็นชื่อในหนังสือนั้นก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยตกลงกับโจทก์ตามนั้น เพราะจำเลยเป็นฝ่ายยึดถือหนังสือรับรองนี้ไว้ และยังถือได้อีกว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นเงื่อนไขอันหนึ่งของสัญญาเช่าซื้อด้วยเมื่อสัญญาเช่าซื้อสมบูรณ์ ข้อความตามหนังสือรับรองก็ใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินจากสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของเดิมไม่ต้องรื้อถอน แต่ต้องชดใช้ค่าที่ดิน
เจ้าของรวมปลูกเรือนลงในที่ดิน ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินแล้วโอนขายต่อๆ มาทั้ง 2 แปลงเมื่อได้รังวัดสอบเขตจึงปรากฏว่าเรือนรุกล้ำอยู่ในเขตที่ดินที่แบ่งออกเป็นอีกแปลงหนึ่ง 16 ถึง 60 เซ็นติเมตรดังนี้เจ้าของเดิมปลูกเรือนโดยสุจริตตามที่มีสิทธิปลูกได้ตามกฎหมายแม้ผู้รับโอนทราบก่อนรับโอนว่าเรือนรุกล้ำ ก็ไม่อาจถูกบังคับให้รื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำได้ต้องใช้มาตรา 4 วินิจฉัยเทียบมาตรา 1312 ซึ่งเป็นบทใกล้เคียงให้เจ้าของได้รับค่าใช้ที่ดินที่รุกล้ำเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความผิดและผู้สนับสนุน
ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดเป็นคนไทย 1 คน ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเป็นคนต่างด้าว 1 คน ถือเป็นคนต่างด้าวตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่281 ห้างหุ้นส่วนนี้ทำการค้าประกอบธุรกิจนายหน้า ตัวแทนค้าปลีกสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิด คนไทยผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นผู้สนับสนุน
โทษปรับนิติบุคคลจะกักขังแทนเงินไม่ได้ จึงจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29 เท่านั้น
โทษปรับนิติบุคคลจะกักขังแทนเงินไม่ได้ จึงจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องคดีอาญาเมื่อจำเลยหลบหนีจากเรือนจำ: ไม่มีตัวจำเลยในขณะฟ้องคดี
พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาโดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยถูกจำคุกอยู่ในคดีอื่นของศาลนั้นแต่ได้หลบหนีไปจากเรือนจำเสียแล้วก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อโจทก์ไม่มีตัวจำเลยอยู่ในขณะที่ยื่นฟ้องและจำเลยมิได้ถูกศาลสั่งขังไว้ในคดีนี้ทั้งข้อเท็จจริงก็ต่างกับคดีตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1735/2514 ศาลย่อมไม่รับประทับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องคดีอาญาเมื่อจำเลยหลบหนีจากเรือนจำ – ไม่มีตัวจำเลยในขณะยื่นฟ้อง
พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญา โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยถูกจำคุกอยู่ในคดีอื่นของศาลนั้น แต่ได้หลบหนีไปจากเรือนจำเสียแล้วก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ เมื่อโจทก์ไม่มีตัวจำเลยอยู่ในขณะที่ยื่นฟ้อง และจำเลยมิได้ถูกศาลสั่งขังไว้ในคดีนี้ ทั้งข้อเท็จจริงก็ต่างกับคดีตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1735/2514 ศาลย่อมไม่รับประทับฟ้อง