พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้หลานเป็นสินสมรสตามสมควรทางศีลธรรม ไม่ต้องมียินยอมจากภริยา
ในคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินให้จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่รู้เห็นยินยอม และได้เน้นอีกว่าเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทน ไม่ใช่เป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคม จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ เป็นการโต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นปู่ย่าของจำเลยที่ 2 มีที่ดินนอกจากที่พิพาทอีกหลายแปลง มีราคานับล้านบาทที่พิพาทส่วนที่ยกให้เป็นเพียงส่วนน้อย มีราคาไม่มากการยกให้โจทก์ก็ทราบดีและยินยอมอันเป็นการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่จำเป็นให้ความยินยอมเป็นหลักฐาน เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ที่ว่าไม่ได้ให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ทั้งได้อธิบายเกี่ยวกับการยกให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีไว้ชัดแจ้ง จึงเป็นประเด็นแห่งคดี
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่ 1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาท การยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีและไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่ง เป็นภริยา
การที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นอกจากจะเป็นการยกให้โดยเสน่หาปราศจากสิ่งตอบแทนแล้ว ในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นหลานของโจทก์และจำเลยที่ 1 เคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูแต่เล็กมาจนโต ทั้งจำเลยที่ 1 กับโจทก์ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงมีราคานับล้านบาท การยกให้ดังกล่าวจึงเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีและไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่ง เป็นภริยา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีน้ำมันก๊าดไว้โดยไม่แจ้ง ไม่ถือเป็นหลักฐานการมีไว้เพื่อขาย จึงไม่ริบ
จำเลยมีน้ำมันก๊าดของกลาง แม้จะมีจำนวนมากและไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บก็ไม่เป็นเหตุที่จะรับฟังว่าจำเลยมีไว้เพื่อขายหรือจำหน่าย ดังนั้น น้ำมันก๊าดของกลางจึงไม่ใช่ของควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องหมิ่นประมาท: การบรรยายวันเวลาและรายละเอียดที่อยู่ในวิสัยของโจทก์
ความผิดฐานหมิ่นประมาท โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันเวลาซึ่งเกิดการกระทำความผิดว่า จำเลยหมิ่นประมาทใส่ความ ธ. โดยการโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่ 22 มีนาคม 2515 ต่อหัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 และจำเลยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือลงวันที่เดียวกันต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านเลขาธิการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้มีความเห็นของเลขาธิการเสนออธิการบดีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2515 เวลากลางวัน ดังนี้ ถือว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดการกระทำนั้นๆ เท่าที่อยู่ในวิสัยของโจทก์ที่จะบรรยายได้ ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองวัตถุระเบิดเพื่อใช้ในงานเหมืองแร่ การครอบครองเพื่อใช้ในงานที่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นความผิด
จำเลยเป็นคนงานของบริษัทวิสาหกิจสินแร่สยามอเมริกัน จำกัด ได้เบิกและขนวัตถุระเบิดจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทไประเบิดแร่ในเขตสัมปทานของบริษัทตามจำนวนที่ระบุไว้ใน เอกสาร ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้มีและใช้ระเบิดได้ทั้งจำเลยมีใบคู่มือให้ควบคุมการขนของกลางขึ้นเขาศูนย์ และมีบัตรอนุญาตให้ผ่านเข้าบริเวณเขาศูนย์เขตประทานบัตรได้ดังนี้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์ระเบิดของกลางไว้ในความครอบครองอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ให้กู้ยืมเงินลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว สิทธิในการรับชำระหนี้เป็นโมฆะตามกฎหมายล้มละลาย
คดีได้ความว่า เมื่อลูกหนี้กู้ครั้งแรก จำนวนเงิน 21,000 บาท นั้นลูกหนี้ได้ออกเช็คฉบับหนึ่งให้ไว้อีกด้วยต่อมาเช็คฉบับนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เจ้าหนี้จึงคืนเช็คนั้นให้แก่ลูกหนี้ไปโดยมิได้รับชำระหนี้เลยต่อมาอีกประมาณ 1 ปีเศษ ลูกหนี้ที่ 2 ได้ขอกู้เงินเพิ่มอีก 19,000 บาท เจ้าหนี้ก็ให้กู้ไป ต่อมากู้อีก15,000 บาท เจ้าหนี้ให้กู้ไปอีก ซึ่งลูกหนี้ก็ออกเช็คให้ไว้ทั้งสองคราวโดยไม่ลงวันที่ จะออกเช็คเมื่อไรและกู้กันเมื่อไร เจ้าหนี้ก็จำวันไม่ได้ ทั้งๆ ที่เงินกู้ครั้งแรกยังไม่ได้รับชำระนอกจากนี้ยังมีเจ้าหนี้อื่นอีกมากมายซึ่งลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จนถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายพฤติการณ์แสดงว่าที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงิน 2 คราวหลังนี้ เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนวนเงิน 34,000 บาทนี้ได้ ตามมาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้กู้ยืมเงินแก่ลูกหนี้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องหนี้
คดีได้ความว่า เมื่อลูกหนี้กู้ครั้งแรก จำนวนเงิน 21,000 บาทนั้น ลูกหนี้ได้ออกเช็คฉบับหนึ่งให้ไว้อีกด้วย ต่อมาเช็คฉบับนั้นขึ้นเงินไม่ได้เจ้าหน้าที่จึงคืนเช็คนั้นให้แก่ลูกหนี้ไปโดยมิได้รับชำระหนี้เลย ต่อมาอีกประมาณ 1 ปีเศษ ลูกหนี้ที่ 2 ได้ขอกู้เงินเพิ่มอีก 19,000 บาท เจ้าหนี้ก็ให้กู้ไป ต่อมากู้อีก 15,000 บาท เจ้าหนี้ให้กู้ไปอีกซึ่งลูกหนี้ก็ออกเช็คให้ไว้ทั้งสองคราวโดยไม่ลงวันที่ จะออกเช็คเมื่อไรและกู้กันเมื่อไร เจ้าหนี้ก็จำวันไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เงินกู้ครั้งแรกยังไม่ได้รับชำระ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหนี้อื่นอีกมากมายซึ่งลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้จนถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย พฤติการณ์แสดงว่าเจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงิน 2 คราวหลังนี้เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนวนเงิน 34,000 บาทนี้ได้ ตามมาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียสัญชาติไทยของผู้เกิดในไทย ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และความผิดตาม พ.ร.ก.ทะเบียนคนต่างด้าว
จำเลยเป็นคนเชื้อชาติจีนเกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ได้ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยมิได้ประสงค์จะถือสัญชาติไทยตั้งแต่ พ.ศ.2491 ตลอดมาจนพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ใช้บังคับซึ่งมาตรา 21 บัญญัติให้ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว ถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้วให้เสียสัญชาติไทยดังนี้บทบัญญัติแห่งมาตรา 21 ดังกล่าวจึงมีผลถึงจำเลยซึ่งถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ แม้มาตรา 21 ดังกล่าวจะมิได้บัญญัติความว่าให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับก็ตามก็ไม่เป็นผลให้แตกต่างกันอย่างไรเมื่อจำเลยไม่ต่อใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจำเลยย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียสัญชาติไทยเนื่องจากถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญ
จำเลยเป็นคนเชื้อชาติจีนเกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ได้ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยมิได้ประสงค์จะถือสัญชาติไทยตั้งแต่ พ.ศ.2491 ตลอดมาจนพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508ใช้บังคับซึ่งมาตรา 21 บัญญัติให้ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ให้เสียสัญชาติไทย ดังนี้ บทบัญญัติแห่งมาตรา 21 ดังกล่าวจึงมีผลถึงจำเลยซึ่งถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ แม้มาตรา 21 ดังกล่าวจะมิได้บัญญัติความว่า ให้ขาดจากสัญชาติไทย ไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับก็ตามก็ไม่เป็นผลให้แตกต่างกันอย่างไร เมื่อจำเลยไม่ต่อใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว จำเลยย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน, การพักโทษ, และอำนาจผู้ว่าฯ สั่งพ้นตำแหน่ง
ในระหว่างที่โจทก์ต้องโทษจำคุก แม้โจทก์จะได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์พ้นโทษนับแต่วันที่ได้พักการลงโทษ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าวันครบกำหนดโทษของโจทก์ คือวันที่ 6 มกราคม 2515 วันพ้นโทษของโจทก์จึงต้องนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2515 เป็นต้นไป ฉะนั้นวันที่โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านในวันที่ 19 มกราคม 2516 และรับเลือกตั้งเป็นกำนันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2516 จึงยังไม่พ้นกำหนด 3 ปีนับแต่วันพ้นโทษ โจทก์จึงขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งได้โดยหาจำต้องใช้สิทธิทางศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน: พักโทษไม่ถือเป็นพ้นโทษ, อำนาจสั่งพ้นตำแหน่งของผู้ว่าฯ
ในระหว่างที่โจทก์ต้องโทษจำคุก แม้โจทก์จะได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์พ้นโทษนับแต่วันที่ได้พักการลงโทษ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าวันครบกำหนดโทษของโจทก์ คือวันที่ 6 มกราคม 2515 วันพ้นโทษของโจทก์จึงต้องนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2515เป็นต้นไป ฉะนั้น วันที่โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านในวันที่ 19 มกราคม 2516 และรับเลือกตั้งเป็นกำนันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2516 จึงยังไม่พ้นกำหนด 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษโจทก์จึงขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งได้ โดยหาจำต้องใช้สิทธิทางศาลไม่