คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แผ้ว ศิวะบวร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้สัญชาติไทยโดยการเกิดในไทย และผลของการเดินทางออกนอกประเทศโดยใช้แบบ ต.ม.13
ผู้ร้องเกิดในประเทศไทยจากบิดาซึ่งเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยมารดาพาออกไปนอกราชอาณาจักรโดยแสดงหลักฐานการแจ้งออกเพื่อกลับเข้ามาตามแบบ ต. มาตรา13 ไม่ใช่ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวผู้ร้องไม่เสียสัญชาติไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดิน การมีชื่อใน น.ส.3 ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครอง
โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท จำเลยเพียงแต่มีชื่อใน น.ส. 3 โดยมิได้ครอบครองไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ แม้ศาลชั้นต้นจำกัดขอบเขตการอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ตามมาตรา 277 และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะข้อที่ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเพียงสถานเบาเพียงข้อเดียว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายเพื่อวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายปรากฏอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยโดยพิพากษาแก้ ลงโทษฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 279 วรรคแรกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาข้อเท็จจริง/กฎหมายนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ เพื่อประโยชน์แก่จำเลย
แม้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี ตาม มาตรา 277 และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะข้อที่ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเพียงสถานเบาเพียงข้อเดียว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายเพื่อวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายปรากฏอยู่ในสำนวนแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โดยพิพากษาแก้ลงโทษฐานกระทำอนาจารตาม มาตรา 279 วรรคแรกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนที่รุกล้ำเมื่อสิทธิของผู้ร้องหมดไป
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยรื้อผนังตึกที่สร้างรุกล้ำ และขนย้ายออกไปให้พ้นเขตที่โจทก์มีสิทธิการเช่า ในชั้นที่โจทก์ขอบังคับคดีเจ้าของที่ดินผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่พิพาทนั้นโดยตรงจากเจ้าของแล้ว ดังนั้นฐานะในคดีของโจทก์เปลี่ยนเป็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทต่อไปและจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าโดยตรงจากเจ้าของ รูปคดีไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ที่จะบังคับคดีโจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานะโจทก์หลังมีคำพิพากษา: สิทธิการเช่าสิ้นสุด, การบังคับคดีสิ้นผล
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนผนังตึกที่สร้างรุกล้ำและขนย้ายและออกไปให้พ้นเขตที่ดินที่โจทก์มีสิทธิการเช่า ต่อมาในชิ้นที่โจทก์ขอบังคบคดีปรากฏว่าเจ้าของที่พิพาทได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ และได้ให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้ว ฐานะในคดีของโจทก์จึงเปลี่ยนไปว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่พิพาทต่อไป และจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าโดยตรงจากเจ้าของ รูปคดีไม่มีประโยชน์ต่อโจทก์ที่จะบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: เจตนาจำนองแต่ทำสัญญาขายฝาก ไม่เป็นนิติกรรมอำพราง
จำเลยมีเจตนาจะจำนองที่ดินและบ้าน แต่โจทก์ให้ทำเป็นสัญญาขายฝาก เหตุที่จำเลยยอมทำสัญญาขายฝากตามความประสงค์ของโจทก์ก็เพื่อจะได้เงินตามที่ต้องการ สัญญาขายฝากจึงมิใช่นิติกรรมอำพราง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดเป็นคนละกรรมกัน แม้เป็นยาเสพติดชนิดเดียวกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันโดยมีเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อ หนัก 0.53 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และขายเฮโรอีน 1 ห่อ หนัก 0.12 กรัม ที่จำเลยมีไว้นั้นให้ผู้มีชื่อ จำเลยรับสารภาพ ปรากฏตามทางพิจารณาว่าตำรวจจับผู้ซื้อพร้อมด้วยเฮโรอีน 1 ห่อ ซึ่งจำเลยขายให้และจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนของกลางอีก 4 ห่อ เห็นได้ว่าการที่จำเลยขายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นไป 1 ห่อย่อมเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกรรมหนึ่ง กับการที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีก 4 ห่อ จนกระทั่งถูกจับได้พร้อมกับเฮโรอีน ดังกล่าวย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะเป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน ความผิดดังกล่าวจึงแยกออกได้เป็นสองกรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดต่างกระทงกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดฐานจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดเป็นคนละกรรม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยมีเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อ หนัก 0.43 กรัมไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และขายเฮโรอีน 1 ห่อ หัก 0.12 กรัม ที่จำเลยมีไว้นั้นให้ผู้มีชื่อ จำเลยรับสารภาพ ปรากฏตามทางพิจารณาว่า ตำรวจจับผู้ซื้อพร้อมด้วยเฮโรอีน 1 ห่อ ซึ่งจำเลยขายให้และจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอีนของกลางอีก 4 ห่อ เห็นได้ว่าการที่จำเลยขายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นไป 1 ห่อ ย่อมเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกรรมหนึ่ง การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีก 4 ห่อ จนกระทั่งถูกจับได้พร้อมกับเฮโรอีนดังกล่าว ย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งต่างหาก เพราะเป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน ความผิดดังกล่าวจึงแยกออกได้เป็นสองกรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดต่างกระทงกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, การสลักหลัง, และการรับรองข้อตกลงการรับสภาพหนี้
ทนายโจทก์แถลงต่อศาลว่า โจทก์นำพยานมาศาลสองปาก คือ ตัวทนายโจทก์ และ ร. เมื่อประเด็นรับฟังกันได้เป็นส่วนมาก โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานสองปากนี้ และติดใจสืบตัวโจทก์กับ ว. เพียง 2 ปาก วันนี้ไม่มาศาล โจทก์ขอเลื่อนคดี ทนายจำเลยมิได้คัดค้านประการใด จึงเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ต่อ ดังนี้ จำเลยจะมาคัดค้านว่าศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ไม่ชอบหาได้ไม่ และการที่โจทก์นำพยานที่โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบเข้าเบิกความต่อศาล ทนายจำเลยก็ได้ซักค้านพยานปากนี้โดยมิได้โต้แย้งประการใด แม้ต่อมาจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงคัดค้าน ก็ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะรับฟังพยานดังกล่าว
จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า โจทก์เป็นผู้ลงวันที่ในเช็คเอาเอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ใดลงวันที่ในเช็คไม่ถูกต้องและปราศจากอำนาจ จึงต้องฟังว่าวันที่ปราฏในเช็คนั้นเป็นวันที่ออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวมาขึ้นเงินภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ลงในเช็ค และฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะผู้สลักหลังได้
ตามคำแถลงรับของคู่ความ จำเลยยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คทุกฉบับ ประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ จึงเป็นอันยุติตามที่จำเลยยอมรับ และจำเลยรับต่อไปว่า จำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท จำเลยจึงต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914
of 40