พบผลลัพธ์ทั้งหมด 263 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันค่าวัสดุ การขึ้นเงินก่อนแลกเงินสดไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยซื้อเชื่อวัสดุเครื่องก่อสร้างจากผู้เสียหาย และสั่งจ่ายเช็คให้ยึดถือไว้เป็นประกันค่าวัสดุก่อสร้างโดยตกลงว่าจะต้องนำเช็คมาแลกเงินสดเสียก่อน การที่ผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคารและแจ้งความจำเลยโดยมิได้นำเช็คไปแลกเงินจากจำเลยตามข้อตกลง จึงเป็นการว่ากล่าวเอากับเช็คของจำเลยโดยที่ตนยังไม่มีอำนาจจะทำได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดพระราชบัญญัติ ฯลฯ การใช้เช็ค พ.ศ. 2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันการชำระหนี้ การนำเช็คไปขึ้นเงินก่อนถึงกำหนดถือเป็นการว่ากล่าวเอากับเช็ค
จำเลยซื้อเชื่อวัสดุเครื่องก่อสร้างจากผู้เสียหาย และสั่งจ่ายเช็คให้ยึดถือไว้เป็นประกันค่าวัสดุก่อสร้างโดยตกลงว่าจะต้องนำเช็คมาแลกเงินสดเสียก่อน การที่ผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคารและแจ้งความจำเลยโดยมิได้นำเช็คไปแลกเงินจากจำเลยตามข้อตกลง จึงเป็นการว่ากล่าวเอากับเช็คของจำเลยโดยที่ตนยังไม่มีอำนาจจะทำได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดพระราชบัญญัติ ฯลฯ การใช้เช็ค พ.ศ. 2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงทำสัญญาเช่าซื้อระบุการดำเนินคดีเฉพาะศาลแพ่ง ไม่ตัดสิทธิการดำเนินคดีอาญา
ข้อความในสัญญาเช่าซื้อมีว่า "คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า หากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญานี้ ให้ดำเนินคดีที่ศาลแพ่ง จังหวัดพระนคร" หมายความว่าคู่สัญญามีความมุ่งหมายเป็นข้อตกลงเฉพาะเรื่องที่ว่า หากข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเช่าซื้อตามสัญญาเป็นเรื่องในทางแพ่งแล้ว ก็ให้เสนอข้อพิพาทนั้นต่อศาลแพ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าคู่สัญญาได้ยอมสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อกัน จึงไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีในทางอาญากับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีเช็ค: คดีแพ่งไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา อายุความไม่สะดุด
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากความผิดในคดีอาญา หมายถึง การกระทำผิดอาญานั้นก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องทางแพ่งติดตามมาด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 40 จึงบัญญัติว่า จะฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญา หรือต่อศาลที่มีอำนาจชำระคดีแพ่งก็ได้
คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เพราะคดีอาญาเป็นเรื่องที่จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่คดีแพ่ง เมื่อจำเลยออกเช็คให้จำเลยก็ต้องรับผิดตามเช็คนั้นทันที สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งมีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาแต่อย่างใด การฟ้องคดีอาญา จึงไม่ทำให้อายุความแพ่งสะดุดหยุดลง
คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เพราะคดีอาญาเป็นเรื่องที่จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่คดีแพ่ง เมื่อจำเลยออกเช็คให้จำเลยก็ต้องรับผิดตามเช็คนั้นทันที สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งมีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาแต่อย่างใด การฟ้องคดีอาญา จึงไม่ทำให้อายุความแพ่งสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้เงิน แม้ไม่มีสัญญากู้ก็อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คได้ ศาลต้องสืบพยานจำเลย
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้ยืม แม้ไม่มีสัญญากู้เป็นลายลักษณ์อักษร ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คได้
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการไม่มีเงินจ่าย การฎีกาต้องเป็นประเด็นข้อเท็จจริง
การที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น มิใช่ว่าถ้าจำเลยออกเช็คแล้วไม่มีเงินใช้ตามเช็คจะเป็นความผิดอาญาเสมอไป จะต้องมีกรณีตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ คือ 1. ออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ เจตนาดังกล่าวนี้เป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความผิด เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังแล้วว่า จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ร่วมเถียงว่ามีเจตนาเช่นนั้น เป็นการเถียงข้อเท็จจริงว่า มีพฤติการณ์ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดเกิดขึ้นหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการออกเช็คไม่มีเงินรองรับ ผู้รับเช็คมีสิทธิร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ เมื่อผู้มีชื่อนำเช็คไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้มีชื่อจึงนำเช็คดังกล่าวมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ หนี้ระหว่างโจทก์ร่วมกับผู้มีชื่อจึงยังไม่ระงับ ซึ่งโจทก์ร่วมยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และดำเนินคดีกับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเบิกเงินเกินบัญชี: เช็คยังใช้ได้แม้ไม่มีเงินในบัญชีหากมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคาร แม้ภายหลังจำเลยไม่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ยังออกเช็คสั่งจ่ายเงินไม่เกินสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจึงเท่ากับเงินที่จำเลยฝากไว้ในบัญชีของจำเลยนั่นเอง การที่ธนาคารไม่จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยเพราะจำเลยสั่งห้ามธนาคารไม่ให้จ่าย กรณีจึงไม่ใช่เรื่องจำเลยออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชี หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในเวลาที่ออกเช็คนั้นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528-1530/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้าม กรณีศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 219
สำนวนที่ 2-3 ศาลชั้นต้นต้องฟังข้อเท็จจริงเพื่อนำไปวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ แล้วจึงพิพากษาว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย ยกฟ้องย่อมเป็นการยกฟ้องทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริงรวมมากับข้อกฎหมายว่าเป็นผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องอีกจึงถือได้ว่าศาลทั้งสองยกฟ้องในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ส่วนสำนวนที่ 1 แม้ศาลล่างยกฟ้องเพราะเหตุที่ฟ้องไม่ปรากฏชื่อผู้เรียงอีกเหตุหนึ่งด้วย ก็ต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 219 เช่นกัน