พบผลลัพธ์ทั้งหมด 762 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาเคารพขอบเขตคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอโทษหนักกว่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีและจำหน่ายเฮโรอีนคนละจำนวนอันเป็นความผิดหลายกระทง ซึ่งตามกฎหมายต้องเรียงกระทงลงโทษ แต่ศาลชั้นต้นกลับพิพากษาวางบทลงโทษรวมกันมาให้จำคุกจำเลย 5 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 7 ปี 6 เดือน เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไว้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีจำหน่ายยาเสพติด: ศาลฎีกาไม่เพิ่มโทษเกินคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีและจำหน่ายเฮโรอีนคนละจำนวนอันเป็นความผิดหลายกระทงซึ่งตามกฎหมายต้องเรียงกระทงลงโทษ แต่ศาลชั้นต้นกลับพิพากษาวางบทลงโทษรวมกันมาให้จำคุกจำเลย 5 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 7 ปี 6 เดือน เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงจะลดโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไว้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: คดีทุนทรัพย์น้อย, แก้ไขเล็กน้อย, ไม่มีเหตุสมควรฎีกา, ประมาทในการขับรถ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อคดีมีทุนทรัพย์เพียง 27,500 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จำเลยจะฎีกาว่ามิได้ขับรถประมาทหรือผู้อื่นมีส่วนประมาทด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: คดีทุนทรัพย์น้อย, แก้ไขเล็กน้อย, ไม่มีเหตุสมควรฎีกา, ประเด็นความประมาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อคดีมีทุนทรัพย์เพียง 27,500 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จำเลยจะฎีกาว่ามิได้ขับรถประมาทหรือผู้อื่นมีส่วนประมาทด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นผู้จัดการมรดก: ทายาทตามพินัยกรรมและทายาทโดยธรรม vs ผู้รับพินัยกรรมที่ถูกเพิกถอน
ผู้ร้องมิใช่ทายาทของ ส.แม้ส.จะทำพินัยกรรมยกที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้อง แต่ต่อมา ส.ก็ทำพินัยกรรมฉบับหลังยกทรัพย์ดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น พินัยกรรมฉบับก่อนจึงเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1697 ผู้ร้องจึงหมดสิทธิรับมรดกของ ส. และไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของ ส. ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกสงวนไว้สำหรับทายาทและผู้มีส่วนได้เสีย พินัยกรรมฉบับหลังมีผลเหนือกว่า
ผู้ร้องมิใช่ทายาทของ ส. แม้ ส.จะทำพินัยกรรมยกที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้อง แต่ต่อมา ส.ก็ทำพินัยกรรมหลักยกทรัพย์ดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น พินัยกรรม ฉบับก่อนจึงเป็นอันเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1697 ผู้ร้องจึงหมดสิทธิรับมรดกของ ส.และไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก ของ ส. ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อธนาคารจ่ายเงิน - อำนาจฟ้อง - อายุความ - ความผิดสำเร็จ
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟจากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและออกดร๊าฟให้ไป แล้วนำดร๊าฟนั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้จ่ายเงินตามดร๊าฟให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารจ่ายเงินให้ตรมดร๊าฟ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดคดีไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดคดีไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อจ่ายเงินที่สาขา แม้ทำผิดที่สำนักงานใหญ่ อายุความไม่ขาด ฟ้องถูกศาล
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อ และออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนำดร๊าฟท์นั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารสาขาจ่ายเงินให้ตามดร๊าฟท์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียภาษีนำเข้า: ส่วนประกอบเครื่องจักรที่นำเข้าภายหลังไม่ได้รับการยกเว้น
โจทก์ยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า แล้วชำระภาษีศุลกากร ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่ 1 ตรวจแบบที่ยื่นถูกต้องแล้ว ก็รับเงินภาษีอากรที่โจทก์ชำระนั้น การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นนี้แม้ในส่วนภาษีการค้าจะได้ทำแทนกรมสรรพากรจำเลยที่ 2 ก็หาใช่เป็นการประเมินภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 87 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 30 เสียก่อนฟ้องคดี
สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชการจักรมิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่ แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุด จึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี(11) ไม่
สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชการจักรมิใช่ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้อยู่ แต่เป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สั่งเข้ามาภายหลังเพื่อใช้ทดแทนของเก่าที่ชำรุด จึงหาใช่สินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษีตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี(11) ไม่