คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยุทธ เลอลภ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 762 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายลิฟท์ต่างประเทศ: การปรับราคาตามอัตราแลกเปลี่ยนและความรับผิดของผู้ขาย
จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาซื้อลิฟท์จากโจทก์ในราคา 1,420,000บาท โดยมีข้อตกลงว่าราคานี้ขึ้นอยู่กับค่าภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เป็นอยู่ในวันที่เสนอราคานี้และขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เป็นอยู่ในขณะทำสัญญา ถ้ามีการตีราคาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศใหม่ ราคาของวัสดุที่นำเข้าก็จะต้องปรับใหม่ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เป็นอยู่ในวันที่นำเอกสารต่าง ๆ ไปขึ้นเงินกับธนาคารเมื่อจำเลยต้องการจะซื้อลิฟท์ของโจทก์ที่สั่งมาจากอเมริกา ซึ่งใช้เงินดอลล่าร์แต่โจทก์สั่งลิฟท์จากโรงงานประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันที่เป็นสาขาของโจทก์และใช้เงินฟรังค์และดอยซ์มาร์คตามลำดับเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินดังกล่าวเพิ่มขึ้นระหว่างการส่งและติดตั้งลิฟท์ ทำให้ค่าของเงินดอลล่าร์และเงินบาทลดลง ก็เป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยหาต้องรับผิดชำระราคาลิฟท์ที่เพิ่มขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินฟรังค์และดอยซ์มาร์คตามฟ้องโจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828-829/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดแยกส่วนจากหลายฝ่าย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากหลายเหตุ ศาลแบ่งความรับผิดตามส่วนของแต่ละฝ่าย
ส. สามีโจทก์สำนวนแรก พ. โจทก์สำนวนหลัง และ ป.ภริยา พ. นั่งมาในรถยนต์ของ พ. ถูกรถคันหนึ่งชนอัดติดอยู่กับรถมีรถซึ่งลูกจ้างของจำเลยขับมาชนซ้ำ ทำให้ ส. ป. ตายและ พ. บาดเจ็บมากขึ้น รถของ พ. เสียหายมากขึ้น ไม่ใช่ร่วมกันทำละเมิดจำเลยต้องรับผิดแยกกับที่รถยนต์คันแรกก่อความเสียหายขึ้นตามส่วนของตน โดยต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างของจำเลยทำขึ้นเท่านั้น ศาลพิพากษาแบ่งให้ชำระได้ตามสมควร โดยให้ค่าทำศพและค่าอุปการะเลี้ยงดู ค่าขาดรายได้ 1 ใน 3 ให้ใช้ค่าเสียหายแก่รถกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างกำแพงกีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของผู้อื่น ถือเป็นการละเมิด
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวซึ่งอยู่ติดกับถนนตลาดสดเทศบาลที่จำเลยที่ 1 สร้างขึ้นบนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยที่ 3 จนทำให้ที่ดินราชพัสดุกลายเป็นชุมนุมชนและย่านการค้าการที่จำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 1 สร้างกำแพงพิพาทสูงถึง 3 เมตร กั้นระหว่างที่ดินราชพัสดุกับที่ดินของโจทก์ แม้กำแพงพิพาทอยู่ในที่ดินราชพัสดุแต่กำแพงพิพาทปิดกั้นหน้าที่ดินและตึกแถวโจทก์ เห็นได้ว่าไม่สะดวกในการไปมาติดต่อระหว่างตึกแถวในที่ดินของโจทก์กับตลาดสดเทศบาลกระทรวงการคลังเจ้าของที่ดินราชพัสดุก็ไม่เห็นชอบที่จำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 1 สร้างกำแพงพิพาทขึ้นและเคยสั่งรื้อไปครั้งหนึ่งแล้วจำเลยที่ 3 กลับสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำขึ้นอีกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเทศบาล กำแพงพิพาทเป็นเหตุขัดข้องไม่ให้มีผู้ใดซื้อหรือเช่าตึกแถวในที่ดินของโจทก์ทั้งจำเลยที่ 3 เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนจากโจทก์ก่อนจึงจะรื้อกำแพงพิพาท ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 เป็นการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรหรือคาดหมายไว้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 ทำละเมิดต่อโจทก์และโจทก์มีอำนาจฟ้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และมาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการกีดกั้นการเข้าถึงที่ดินและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจของผู้อื่น
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินและตึกแถวที่เช่าอยู่ติดกับตลาดสดเทศบาลที่จำเลยที่ 1 สร้างขึ้นบนที่ดินราชพัสดุซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยที่ 3 จนให้ที่ดินราชพัสดุกลายเป็นย่านชุมชนและย่านการค้า การที่จำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 1 สร้างกำแพงพิพาทสูงถึง 3 เมตรกั้นระหว่างที่ดินราชพัสดุกับที่ดินของโจทก์ เป็นการปิดกั้นหน้าที่ดินและตึกแถวของโจทก์ ทำให้ไม่สะดวกในการไปมาติดต่อระหว่างตึกแถวของโจทก์กับตลาดสดเทศบาล และเป็นเหตุขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นซื้อหรือเช่าตึกแถวของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรหรือคาดหมายได้ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์และโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และมาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเข้าเส้นด้ายเพื่อใช้ในการผลิตถุงปูนซิเมนต์ถือเป็นการขายสินค้าตามกฎหมายภาษีอากร
บริษัทโจทก์สั่งซื้อเส้นด้ายใยประดิษฐ์เข้ามาจากต่างประเทศใช้เย็บถุงกระดาษบรรจุผงซิเมนต์ซึ่งโจทก์ผลิตบรรจุถุงขาย มิได้นำเส้นด้ายนี้ไปขาย ไม่เป็นการสั่งเส้นด้ายเข้ามาผลิตปูนซิเมนต์ ไม่ว่าโจทก์จะขายโดยคำนวณต้นทุนรวมถุงด้วยหรือไม่ โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าโดยถือการนำเข้าเป็นการขายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตลาด: ค่าเช่าคำนวณจากรายได้ทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะค่าประมูลเช่าช่วง
จำเลยทำสัญญาเช่าตลาดสดจากโจทก์โดยมีข้อสัญญาว่า จำเลยผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายในกรณีที่จำเลยเป็นผู้ดำเนินการเก็บค่าเช่าเอง หรือในกรณีที่มีการให้ประมูลเช่าช่วงไป นอกจากนั้นหากจำเลยให้มีประมูลไปบางส่วนและดำเนินการเองบางส่วนรายได้ของจำเลยในส่วนนี้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขทีต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เช่นเดียวกัน ดังนี้ ตามข้อสัญญาดังกล่าวจำเลยผู้เช่าจึงต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายไม่ว่ากรณีจำเลยผู้เช่าเก็บค่าเช่าเองหรือกรณีจำเลยผู้เช่าให้ประมูลเข่าช่วงไปทั้งหมดหรือบางส่วนไม่ใช่ชำระค่าเช่าเพียงอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนเงินที่บุคคลอื่นประมูลเช่าช่วงไป หากจำนวนเงินที่ประมูลเช่าช่วงนั้นต่ำกว่ารายได้ทั้งหมดของตลาดที่แท้จริง ในเมมื่อคดีฟังได้ว่าเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดได้รับมากกว่าค่าเช่าที่จำเลยให้ผู้อื่นประมูลเช่าช่วงไป แต่จำเลยกลับชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงร้อยละ 30 ของจำนวนเงินค่าเช่าที่ได้จากการประมูลเช่าช่วงดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตลาด: ค่าเช่าคำนวณจากรายได้ทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเงินประมูลเช่าช่วง
จำเลยทำสัญญาเช่าตลาดสดจากโจทก์โดยมีข้อสัญญาว่า จำเลยผู้เช่ายอมชำระค่าเช่าให้ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายในกรณีที่จำเลยเป็นผู้ดำเนินการเก็บค่าเช่าเอง หรือในกรณีที่มีการให้ประมูลเช่าช่วงไปนอกจากนั้นหากจำเลยให้มีประมูลไปบางส่วนและดำเนินการเองบางส่วนรายได้ของจำเลยในส่วนนี้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เช่นเดียวกันดังนี้ ตามข้อสัญญาดังกล่าวจำเลยผู้เช่าจึงต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ในอัตราเดือนละ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายไม่ว่ากรณีจำเลยผู้เช่าเก็บค่าเช่าเองหรือกรณีจำเลยผู้เช่าให้ประมูลเช่าช่วงไปทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ใช่ชำระค่าเช่าเพียงอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนเงินที่บุคคลอื่นประมูลเช่าช่วงไปหากจำนวนเงินที่ประมูลเช่าช่วงนั้นต่ำกว่ารายได้ทั้งหมดของตลาดที่แท้จริง ในเมื่อคดีฟังได้ว่าเงินรายได้ทั้งหมดของตลาดได้รับมากกว่าค่าเช่าที่จำเลยให้ผู้อื่นประมูลเช่าช่วงไป แต่จำเลยกลับชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงร้อยละ 30 ของจำนวนเงินค่าเช่าที่ได้จากการประมูลเช่าช่วงดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันคำพิพากษาคดีอาญากับคดีแพ่ง และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
คดีอาญาศาลพิพากษาว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 ขับรถคันที่ชนโจทก์ในคดีแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งตามคดีอาญาแต่จำเลยที่ 5 นายจ้างของจำเลยที่ 4 มิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาด้วย ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง ซึ่งศาลฟังว่าจำเลยที่ 4 มิได้ขับรถที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668-669/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายและการตายของผู้ถูกทำร้าย
ม. ถูกยิงแล้วตายทันที จำเลยฟัน ม. เมื่อ ม. ตายแล้วไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาฝากทรัพย์: การครอบครองไม้ของกลางและการบอกเลิกสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญากันมีข้อความเป็นสารสำคัญว่าโจทก์มอบไม้ ของกลางให้จำเลยจัดการขนย้ายจากสถานีตำรวจภูธรตำบลกำพวนไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยบริเวณหมู่ที่ 2 ตำบลบางหินอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง แล้วจำเลยต้องเก็บรักษาไม้ของกลางไว้เป็นการชั่วคราวในอารักขาแห่งตนอันเป็นการยอมให้จำเลยครอบครองไม้ของกลางแทนโจทก์สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาฝากทรัพย์ และคดี มีอายุความฟ้องร้องภายใน 6 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าไม้ของกลางที่ได้ทำสัญญาให้จำเลยเฝ้ารักษาหายไปทั้งหมด 5 ท่อน จึงทวงถามให้จำเลยชำระเบี้ยปรับตามสัญญา จำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบว่าไม้ของกลางหายไปจนบัดนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้ ถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วตั้งแต่วันนั้นและถือว่าเป็นวันสิ้นสัญญา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นสัญญาดังกล่าว คดีของโจทก์ขาดอายุความ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2521)
of 77