คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศวิต สมหวัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 216 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาคนต่างด้าว: เงื่อนไขการถือภูมิลำเนาตามคู่สมรสและการพิจารณาคดีฟ้องหย่าในประเทศไทย
โจทก์มีสัญชาติออสเตรเลีย จำเลยมีสัญชาติอเมริกันได้สมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายที่ประเทศไทย แต่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องขอหย่ากับจำเลยนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้ออกจากประเทศไทยไปก่อนแล้ว และไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศอีก ทั้งปรากฏว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองดังนี้ จำเลยย่อมมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย โจทก์ก็ฟ้องคดีขอหย่ากับจำเลยต่อศาลแห่งประเทศไทยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่การขายฝาก: แม้ผู้ซื้อฝากบ่ายเบี่ยงไม่รับเงิน ผู้ขายฝากถือว่าใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนด
โจทก์ขายฝากที่นาไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ขอไถ่การขายฝากภายในกำหนดเวลา แต่จำเลยไม่ยอมโดยเกี่ยงจะให้โจทก์ชำระค่าเช่านาที่ค้างด้วย โจทก์จึงไม่ยอมวางเงินค่าขายฝาก เช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้ขอไถ่จากจำเลยภายในกำหนดเวลาขายฝากแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่การขายฝาก: แม้ผู้ซื้อฝากบ่ายเบี่ยงรับเงิน ผู้ขายฝากยังถือว่าใช้สิทธิไถ่ภายในกำหนด
โจทก์ขายฝากที่นาไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ขอไถ่การขายฝากภายในกำหนดเวลา แต่จำเลยไม่ยอมโดยเกี่ยงจะให้โจทก์ชำระค่าเช่านาที่ค้างด้วย โจทก์จึงไม่ยอมวางเงินค่าขายฝาก เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ถือได้ว่าโจทก์ได้ขอไถ่จากจำเลยภายในกำหนดเวลาขายฝากแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสมาชิกสมาคมและการเรียกร้องเงินค่าณาปนกิจ แม้ถูกตัดสมาชิกภาพ สิทธิยังคงอยู่หากเกิดเหตุการณ์ก่อนถูกตัด
โจทก์ฟ้องเรียกร้องตามสิทธิของโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นสมาชิกสมาคมจำเลยอยู่ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมจำเลยที่ให้โจทก์ขาดจากสมาชิกภาพ จะยกบทบัญญัติมาตรา1291 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นมาปรับกับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสมาชิกสมาคมกับการเรียกร้องเงินค่าสงเคราะห์ แม้ถูกตัดสมาชิกภาพหลังเกิดสิทธิ
โจทก์ฟ้องเรียกร้องตามสิทธิของโจทก์ในขณะที่โจทก์ยังเป็นสมาชิกสมาคมจำเลยอยู่ ไม่ได้ขอให้เพิกถอนมติของสมาคมจำเลยที่ให้โจทก์ขาดจากสมาชิกภาพ จะยกบทบัญญัติมาตรา1291 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นมาปรับกับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันตอกเข็มเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเพียงข้อตกลงเพื่อขจัดข้อโต้แย้งเรื่องระยะเวลาก่อสร้าง หากมีการชำระเงินค่าตอกเข็มแล้ว การไม่แจ้งถือไม่ได้ว่าผิดสัญญา
ผู้ให้เช่าสร้างกับผู้เช่าสร้างตกลงกันว่า "เมื่อครบ 1ปีนับแต่วันที่ผู้เช่าสร้างลงมือตอกเข็มแล้ว ผู้เช่าสร้างยังก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา ผู้เช่าสร้างยินยอมให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ให้เช่าสร้างจนกว่าจะสร้างเสร็จ เพื่อขจัดข้อโต้เถียงในเรื่องระยะเวลาก่อสร้างหนึ่งปี ว่าจะครบกำหนดวันใด ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าวันแรกที่ผู้เช่าสร้างลงมือตอกเข็ม ผู้เช่าสร้างต้องแจ้งให้ผู้ให้เช่าสร้างทราบเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นวันลงมือตอกเข็ม เป็นการเริ่มต้นการก่อสร้าง" การที่กำหนดให้ผู้เช่าสร้างแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรนี้ไว้เห็นว่า เพียงเพื่อขจัดข้อโต้เถียงในการเริ่มนับระยะเวลาเท่านั้นซึ่งถ้าผู้เช่าสร้างยังก่อสร้างไม่เสร็จภายในกำหนด ก็จะต้องเสียค่าตอบแทนให้ผู้ให้เช่าสร้าง และยังมีสัญญาบังคับให้จำเลยซื้ออาคารเก่าโดยชำระเงินในวันทำสัญญาจำนวนหนึ่งชำระในวันตอกเข็มอีกจำนวนหนึ่งด้วย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าจำเลยได้ชำระเงินในวันตอกเข็มให้โจทก์ตามใบรับเงินวันที่ 6กรกฎาคม 2510 แล้ว ข้อที่จำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรถึงวันตอกเข็ม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันตอกเข็มในสัญญาเช่าสร้าง: ผลของการไม่แจ้งต่อการผิดสัญญา
ผู้ให้เช่าสร้างกับผู้เช่าสร้างตกลงกันว่า "เมื่อครบ 1ปีนับแต่วันที่ผู้เช่าสร้างลงมือตอกเข็มแล้ว ผู้เช่าสร้างยังก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา ผู้เช่าสร้างยินยอมให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ให้เช่าสร้างจนกว่าจะสร้างเสร็จ เพื่อขจัดข้อโต้เถียงในเรื่องระยะเวลาก่อสร้างหนึ่งปี ว่าจะครบกำหนดวันใด ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า วันแรกที่ผู้เช่าสร้างลงมือตอกเข็ม ผู้เช่าสร้างต้องแจ้งให้ผู้ให้เช่าสร้างทราบเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเป็นวันลงมือตอกเข็ม เป็นการเริ่มต้นการก่อสร้าง" การที่กำหนดให้ผู้เช่าสร้างแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรนี้ไว้เห็นว่า เพียงเพื่อขจัดข้อโต้เถียงในการเริ่มนับระยะเวลาเท่านั้น ซึ่งถ้าผู้เช่าสร้างยังก่อสร้างไม่เสร็จภายในกำหนด ก็จะต้องเสียค่าตอบแทนให้ผู้ให้เช่าสร้าง และยังมีสัญญาบังคับให้จำเลยซื้ออาคารเก่าโดยชำระเงินในวันทำสัญญาจำนวนหนึ่ง ชำระในวันตอกเข็มอีกจำนวนหนึ่งด้วย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าจำเลยได้ชำระเงินในวันตอกเข็มให้โจทก์ตามใบรับเงินวันที่ 6กรกฎาคม 2510 แล้ว ข้อที่จำเลยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรถึงวันตอกเข็ม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2793/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความประเภทไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: ไม้ยางแดงจัดเป็น 'ไม้อื่น' ตามกฎหมาย แม้ถูกกำหนดเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยพระราชกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 5 บัญญัติว่าไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้อื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใดให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เมื่อไม้ยางแดงถูกกำหนดให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 จึงต้องแปลว่าไม้ยางแดงเป็นไม้อื่นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2503 มาตรา 5(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2793/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความประเภทไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: ไม้ยางแดงเป็น 'ไม้หวงห้ามประเภท ก.' หรือ 'ไม้อื่น' ที่ต้องออกพระราชกฤษฎีกากำหนด
พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 5 บัญญัติว่าไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้อื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใดให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เมื่อไม้ยางแดงถูกกำหนดให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 จึงต้องแปลว่าไม้ยางแดงเป็นไม้อื่นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากพฤติการณ์ชู้และการเย้ยหยัน: การกระทำที่ถูกกดขี่ข่มเหงทางจิตใจตามมาตรา 72
จำเลยกับนาง ก. ผู้ตายเป็นสามีภรรยากันประมาณ 16 ปีโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 3 คน อยู่กินร่วมเรือนเดียวกันจนถึงวันเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ 2 ปี ผู้ตายกับ ท. สนิทสนมกันชอบไปเล่นการพนันด้วยกันและเป็นชู้กัน เวลาจำเลยไม่อยู่บ้าน ท.มาหลับนอนในห้องเดียวกับผู้ตายที่บ้านจำเลย บุตรจำเลยก็เห็นคนอื่นก็เล่าลือกัน จำเลยเคยขอร้องทั้งผู้ตายและ ท. ไม่ให้เกี่ยวข้องกันก็ไม่มีใครเชื่อ ยังนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์กันไปมาเสมอเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของจำเลยเป็นอย่างยิ่งจำเลยมิใช่คนดุร้าย วันเกิดเหตุ ท. ให้ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปส่งบ้านจำเลยแลเห็นจำเลยขณะจำเลยกำลังเดินไปตามซอยทางเข้าบ้านก็มิได้ส่งผู้ตายลงตรงนั้นกลับขับขี่รถผ่านจำเลยไปห่างเพียง 1 วา ด้วยความทระนงองอาจปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นสามีเป็นการเย้ยหยันสบประมาทอย่างร้ายแรง พฤติการณ์เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่กดขี่ข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยพบเห็นภาพดังกล่าวโดยบังเอิญโดยมิได้คาดคิดไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้จึงใช้ปืนยิงผู้ตายกับ ท. ไปในทันทีทันใด ดังนี้ กรณีต้องด้วยมาตรา 72 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 38/2515)
of 22