คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศวิต สมหวัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 216 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาและการลงโทษที่เหมาะสม: กรณีผู้เสียหายอื่นที่ไม่ใช่โจทก์
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ว. ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่ง ว. ขับขี่ และมี ป. นั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้ ว. ถึงแก่ความตาย และ ป.บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดอย่างเดียวกัน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์คดีนี้อุทธรณ์ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยฝ่ายเดียว แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก จึงไม่มีอำนาจฟ้องก็จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 แล้วปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการแทน ผู้เสียหายในความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ป. ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 291 บทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้แทนโดยชอบธรรมผู้เสียหาย vs. ผู้จัดการแทนผู้บาดเจ็บสาหัส
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของ ว. ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่ง ว. ขับขี่ และมี ป. นั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้ ว. ถึงแก่ความตาย และ ป.บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดอย่างเดียวกัน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์คดีนี้อุทธรณ์ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยฝ่ายเดียว แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก จึงไม่มีอำนาจฟ้องก็จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 แล้วปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 291ซึ่งเป็นบทหนักไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการแทนผู้เสียหายในความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ ป. ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 291 บทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีที่จำเลยเป็นข้าราชการและแต่งตั้งอัยการเป็นทนาย
จำเลยถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 61 เมื่อจำเลยชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งอัยการเป็นทนายความในคดีราชการ และสิทธิในการเรียกร้องค่าฤชาธรรมเนียมจากฝ่ายแพ้
จำเลยถูกฟ้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้แต่งตั้งพนักงานอัยการให้เป็นทนายความแก้ต่างตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 เมื่อจำเลยชนะคดี ศาลมีอำนาจที่จะให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รถบรรทุกยกเทไม่ใช่ส่วนประกอบเครื่องจักร ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
โจทก์นำรถยนต์บรรทุกยกเทเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นรถบรรทุกวัตถุดิบสำหรับผลิตซิเมนต์จากแหล่งวัตถุดิบมาส่งที่โรงงานของโจทก์ โดยสภาพของรถบรรทุกยกเทดังกล่าวมิใช่เป็นชิ้นส่วนประกอบเป็นตัวเครื่องจักร หรือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรทำงานแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ขนวัตถุดิบมาใช้ ในโรงงานของโจทก์เท่านั้น ทั้งยังได้ความว่ารถบรรทุกยกเทดังกล่าวนั้นเป็นรถขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 25 ตัน ถ้าใช้รถบรรทุกชนิดอื่นจะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการขนวัตถุดิบของโจทก์สูงขึ้น ซึ่งแสดงว่าโจทก์นำรถบรรทุกนี้มาใช้เพื่อประโยชน์แก่การลดต้นทุนการผลิตซิเมนต์ หาได้มีส่วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเครื่องจักรที่ผลิตซิเมนต์นั้นไม่ จึงไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รถบรรทุกยกเทไม่ใช่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ แต่เป็นยานพาหนะขนส่งวัตถุดิบ จึงไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
โจทก์นำรถยนต์บรรทุกยกเทเข้ามาในราชอาณาจักร เป็นรถบรรทุกวัตถุดิบสำหรับผลิตซิเมนต์จากแหล่งวัตถุดิบมาส่งที่โรงงานของโจทก์โดยสภาพของรถบรรทุกยกเทดังกล่าวมิใช่เป็นชิ้นส่วนประกอบเป็นตัวเครื่องจักร หรือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับเครื่องจักรเพื่อให้เครื่องจักรทำงานแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ขนวัตถุดิบมาใช้ ในโรงงานของโจทก์เท่านั้น ทั้งยังได้ความว่ารถบรรทุกยกเทดังกล่าวนั้นเป็นรถขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 25 ตัน ถ้าใช้รถบรรทุกชนิดอื่นจะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการขนวัตถุดิบของโจทก์สูงขึ้น ซึ่งแสดงว่าโจทก์นำรถบรรทุกนี้มาใช้เพื่อประโยชน์แก่การลดต้นทุนการผลิตซิเมนต์หาได้มีส่วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเครื่องจักรที่ผลิตซิเมนต์นั้นไม่จึงไม่ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ตรี (11)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันค่าจ้างว่าความ มิใช่การชำระหนี้ สิทธิในเช็คไม่ผูกพันจำเลย
จำเลยออกเช็คให้ทนายความ เพื่อประกันค่าจ้างว่าความมิได้ประสงค์จะออกเช็คให้เป็นการชำระหนี้ การที่ทนายความสลักหลังเช็คนั้นให้โจทก์ จึงหามีผลผูกพันจำเลยแต่อย่างใดไม่การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันค่าจ้างทนาย ความผูกพันต่อผู้รับสลักหลัง
จำเลยออกเช็คให้นาย ส.เพื่อประกันค่าจ้างว่าความที่จำเลยตกลงจ้างนาย ส.ทนายความให้ดำเนินคดีอาญาให้นาย ข. มิได้ประสงค์จะออกเช็คให้เป็นการชำระหนี้ การที่นาย ส. สลักหลักเช็คนั้นให้โจทก์ จึงหามีผลผูกพันจำเลยแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินมีผู้ครอบครอง ย่อมทำไม่ได้หากสภาพไม่เปิดช่อง
โจทก์ชนะคดีจำเลยในเรื่องจำเลยผิดสัญญาได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารเสียเองในที่ดินที่ตกลงมอบสิทธิการก่อสร้างให้โจทก์แล้วตามสัญญา โดยศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ทำลงในที่ดินนั้นออกไปเสียและมอบที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา คดีถึงที่สุด และศาลได้ออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยจงใจขัดขืนคำบังคับของศาลโดยไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ออกหมายจับและกักขังจำเลยจนกว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ ตามทางไต่สวนได้ความว่าตึกแถวที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนออกไปนั้น มีผู้เข้าอยู่อาศัยโดยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างไปแล้วเป็นส่วนมาก ดังนี้ ถือได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ จะบังคับจำเลยในทางนี้ไม่ได้ การจะจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ลูกหนี้จะต้องอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ แต่ไม่ปฏิบัติ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบังคับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำบังคับที่โจทก์ขอมานั้นได้จำต้องยกคำร้องโจทก์โดยโจทก์ชอบที่จะดำเนินการเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขัดขืนคำบังคับ: สภาพการบังคับคดีต้องเปิดช่องให้ปฏิบัติได้ การกักขังลูกหนี้ต้องทำได้จริง
โจทก์ชนะคดีจำเลยในเรื่องจำเลยผิดสัญญาได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารเสียเองในที่ดินที่ตกลงมอบสิทธิการก่อสร้างให้ โจทก์แล้วตามสัญญา โดยศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ทำลงในที่ดินนั้นออกไปเสียและมอบที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาคดีถึงที่สุด และศาลได้ออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยจงใจขัดขืนคำบังคับของศาลโดยไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ออกหมายจับและกักขังจำเลยจนกว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ ตามทางไต่สวนได้ความว่าตึกแถวที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนออกไปนั้น มีผู้เข้าอยู่อาศัยโดยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างไปแล้วเป็นส่วนมาก ดังนี้ ถือได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ จะบังคับจำเลยในทางนี้ไม่ได้ การจะจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ลูกหนี้จะต้องอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ แต่ไม่ปฏิบัติ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบังคับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำบังคับที่โจทก์ขอมานั้นได้จำต้องยกคำร้องโจทก์โดยโจทก์ชอบที่จะดำเนินการเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 ได้
of 22