พบผลลัพธ์ทั้งหมด 216 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีถูกทำร้ายก่อนและมีความประสงค์เพียงเพื่อป้องกันตนเอง
ถึงจำเลยจะได้พูดโต้เถียงกับผู้ตายที่วงสุรา เมื่อมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากที่นั้น จำเลยก็ยอมไปโดยดี แต่ผู้ตายกลับใช้ให้จ.ตามจำเลยไป แม้จำเลยจะพูดกับ จ. เป็นทำนองชวนวิวาทกับผู้ตายจำเลยก็มิได้แสดงอาการอย่างใดให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะวิวาทกับผู้ตายจำเลยกลับขึ้นไปอยู่เสียบนเรือนผู้อื่น ที่เกิดยิงกันขึ้นก็เพราะผู้ตายใช้ให้คนไปตามจำเลยมา ผู้ตายชักปืนออกจ้องจะยิงจำเลย จำเลยมิได้ตอบโต้แต่หลบอยู่ข้างหลัง น. จนถูกผู้ตายยิงเอาบาดเจ็บ จำเลยก็ยังไม่ควักปืนยิงผู้ตาย คงเข้ากอดปล้ำล้มลงทั้งคู่เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์จะมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไป มิได้สมัครใจวิวาทกับผู้ตายแต่อย่างใดต่อเมื่อผู้ตายจะยิงจำเลยซ้ำ จำเลยจึงควักปืนออกมายิงผู้ตายเพียงนัดเดียว หากจำเลยไม่กระทำดังนั้นก็คงต้องถูกผู้ตายยิงเอาถึงตายเป็นแน่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา กรณีถูกทำร้ายก่อนและมีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อปกป้องชีวิต
ถึงจำเลยจะได้พูดโต้เถียงกับผู้ตายที่วงสุรา เมื่อมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากที่นั้น จำเลยก็ยอมไปโดยดี แต่ผู้ตายกลับใช้ให้จ.ตามจำเลยไป แม้จำเลยจะพูดกับ จ. เป็นทำนองชวนวิวาทกับผู้ตายจำเลยก็มิได้แสดงอาการอย่างใดให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะวิวาทกับผู้ตายจำเลยกลับขึ้นไปอยู่เสียบนเรือนผู้อื่น ที่เกิดยิงกันขึ้นก็เพราะผู้ตายใช้ให้คนไปตามจำเลยมา ผู้ตายชักปืนออกจ้องจะยิงจำเลย จำเลยมิได้ตอบโต้แต่หลบอยู่ข้างหลัง น. จนถูกผู้ตายยิงเอาบาดเจ็บ จำเลยก็ยังไม่ควักปืนยิงผู้ตาย คงเข้ากอดปล้ำล้มลงทั้งคู่เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์จะมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไป มิได้สมัครใจวิวาทกับผู้ตายแต่อย่างใดต่อเมื่อผู้ตายจะยิงจำเลยซ้ำ จำเลยจึงควักปืนออกมายิงผู้ตายเพียงนัดเดียวหากจำเลยไม่กระทำดังนั้นก็คงต้องถูกผู้ตายยิงเอาถึงตายเป็นแน่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษไม่ใช่การลดมาตราส่วนโทษ
การลดโทษจากโทษที่ศาลลงโทษแก่จำเลย ไม่ใช่เป็นการลดมาตราส่วนโทษตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำเลยในคดีอาญาหลายกระทง ศาลพิจารณาแล้วไม่สามารถนับโทษซ้อนซ้ำได้อีก
โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากคดีอื่นหลายคดีด้วยกัน ศาลพิพากษาให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามคำร้องแล้ว จึงนับโทษคดีนี้ต่อจากคดีอาญาอีกสำนวนหนึ่งที่โจทก์ขอให้ซ้อนกันอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเคลือบคลุม: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากฎีกาไม่ได้ระบุรายละเอียดความไม่ชัดเจนของคำฟ้องและจำเลยไม่หลงประเด็นข้อต่อสู้
ฎีกาจำเลยมีข้อความว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์มิได้บรรยายคำฟ้องอย่างแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งโจทก์มิได้อ้างข้อที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์เช่นว่านั้น เป็นฎีกาที่มิได้บรรยายว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แจ้งชัดตรงไหนอย่างไร ตามคำให้การจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ตรงไหนจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดเจน: จำเลยอ้างฟ้องเคลือบคลุม แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียด ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์มิได้บรรยายคำฟ้องอย่างแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งโจทก์มิได้อ้างข้อที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา เช่นนี้ฎีกาของจำเลยมิได้บรรยายว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้งตรงไหนอย่างไร ตามคำให้การของจำเลยก็ไม่ปรากฏว่า จำเลยหลงข้อต่อสู้ตรงไหน จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจ้างทนาย ค่าจ้าง และอายุความคดีเรียกค่าจ้าง
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายฟ้องผู้มีชื่อต่อศาล เมื่อโจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์ และเมื่อเลิกสัญญาแล้วจำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดีหาใช่คิดแต่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นไม่ (อ้างฎีกาที่ 962/2509 และ 455/2506) และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในกรณีนี้มีกำหนดอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(15)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินของกลางที่ผู้เสียหายมิได้เป็นเจ้าของ และการคำนวณค่าสินไหมทดแทนที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นเอาธนบัตร 4,000 บาทของเจ้าทรัพย์ไป ต่อมาจับจำเลยได้และได้ธนบัตรรวม 1,780 บาทจากจำเลยที่ 2 เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษและคืนธนบัตร 1,780 บาทของกลางแก่เจ้าทรัพย์และให้จำเลยคืนหรือใช้ธนบัตรอีก 2,220 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ด้วย เมื่อเงินของกลาง 1,780 บาทนี้ผู้เสียหายมิได้เป็นเจ้าของ แม้จะเป็นของคนร้ายที่ร่วมปล้นซึ่งต้องใช้คืนผู้เสียหายอยู่แล้ว การที่จะพิพากษาให้คืนแก่ผู้เสียหายนั้น ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49, 50 และเมื่อเงินของกลางนี้ไม่อาจถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนอันผู้เสียหายจะพึงได้รับด้วยการที่ศาลสั่งคืนให้แล้วก็ย่อมไม่ต้องนำไปหักออกจากจำนวนค่าเสียหายทั้งหมดที่โจทก์คิดคำนวณมาในฟ้อง จำนวนเงิน 1,780 บาทนี้จึงกลับไปรวมอยู่ในจำนวนค่าเสียหาย 4,000 บาทซึ่งโจทก์ฟ้องว่าผู้เสียหายพึงได้รับค่าสินไหมทดแทน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 4,000 บาท แก่ผู้เสียหายธนบัตรของกลาง 1,780 บาทให้คืนจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินของกลางในคดีปล้นทรัพย์: เงินของกลางไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นเอาธนบัตร 4,000 บาทของเจ้าทรัพย์ไปต่อมาจับจำเลยได้และได้ธนบัตรรวม 1,780 บาทจากจำเลยที่ 2เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษและคืนธนบัตร 1,780 บาทของกลางแก่เจ้าทรัพย์และให้จำเลยคืนหรือใช้ธนบัตรอีก 2,220 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ด้วย เมื่อเงินของกลาง 1,780 บาทนี้ผู้เสียหายมิได้เป็นเจ้าของ แม้จะเป็นของคนร้ายที่ร่วมปล้นซึ่งต้องใช้คืนผู้เสียหายอยู่แล้วการที่จะพิพากษาให้คืนแก่ผู้เสียหายนั้น ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49, 50 และเมื่อเงินของกลางนี้ไม่อาจถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนอันผู้เสียหายจะพึงได้รับด้วยการที่ศาลสั่งคืนให้แล้วก็ย่อมไม่ต้องนำไปหักออกจากจำนวนค่าเสียหายทั้งหมดที่โจทก์คิดคำนวณมาในฟ้อง จำนวนเงิน 1,780 บาทนี้จึงกลับไปรวมอยู่ในจำนวนค่าเสียหาย 4,000 บาทซึ่งโจทก์ฟ้องว่าผู้เสียหายพึงได้รับค่าสินไหมทดแทน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 4,000 บาท แก่ผู้เสียหายธนบัตรของกลาง 1,780 บาทให้คืนจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดดูหมิ่นขัดขวางการปฏิบัติงานตำรวจ และการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม
ส. ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้รถยนต์ที่จำเลยกับพวกนั่งมาหยุดเพื่อตรวจค้น จำเลยพูดว่า 'ผู้กองอย่างมึงจะเอาอะไรกับกู นี่หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์' เป็นคำกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136 เมื่อ ส. ผู้บังคับกองจะจับกุมจำเลยผลักโดยแรงจน ส. ผู้บังคับกองล้มลงแล้วกอดปล้ำไม่ยอมให้จับอีกจึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง