คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธานินทร์ กรัยวิเชียร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 393 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตรโดยชอบธรรม: การให้ตามสมควรทางศีลธรรมอันดี
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เอง คนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตร ถือเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภรรยา
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็น สามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เองคนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนเชิดและค่าสินไหมทดแทน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตัวการต้องอ้างอิงมาตรา 816 วรรค 3
การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรค 3 โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิของตัวแทนเชิดเรียกค่าเสียหายจากตัวการ ต้องฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 816 วรรคสาม
การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรคสาม โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการบรรทุกสิ่งของยื่นเกินขนาดและประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ผู้บรรทุกและเจ้าของรถต้องร่วมรับผิด
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 ให้นำท่อน้ำไปทำเกลียว จำเลยที่ 1 จึงขับรถไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2โดยผูกท่อน้ำไว้กับรถของจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 จอดรถอยู่ในช่องทางที่ 3 ซึ่งอยู่ติดกับเกาะกลางถนน โจทก์ขับรถยนต์มาชนท่อน้ำที่ผูกติดกับรถจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้บังโคลนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย และตาทั้งสองข้างของโจทก์พิการ เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเว้น ไม่ทำเครื่องหมายให้ปลอดภัยไว้ท้ายท่อน้ำซึ่งยื่นพ้นออกมาจากท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1ถึง 2 เมตร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร และเป็นการประมาทเลินเล่อ ส่วนโจทก์ซึ่งขับรถมาชนท่อน้ำนั้นได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถในขณะเกิดเหตุพอสมควรแก่พฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อในการบรรทุกสิ่งของยื่นเกินกฎหมาย และความรับผิดของผู้ว่าจ้าง
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 ให้นำท่อน้ำไปทำเกลียว จำเลยที่ 1 จึงขับรถไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 โดยผูกท่อน้ำไว้กับรถของจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 จอดรถอยู่ในช่องทางที่ 3 ซึ่งอยู่ติดกับเกาะกลางถนน โจทก์ขับรถยนต์มาชนท่อน้ำที่ผูกติดกับรถจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้บังโคลนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย และตาทั้งสองข้างของโจทก์พิการ เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเว้น ไม่ทำเครื่องหมายให้ปลอดภัยไว้ท้ายท่อน้ำซึ่งยื่นพ้นออกมาจากท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ถึง 2 เมตร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร และเป็นการประมาทเลินเล่อ ส่วนโจทก์ซึ่งขับรถมาชนท่อน้ำนั้น ได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถในขณะเกิดเหตุพอสมควรแก่พฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความ 'กระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม' ตามกฎกระทรวงฯ กรณีปืนและกระสุนคนละแบบ
บรรยายฟ้องความว่า มีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง คือกระสุนปืนเล็กสั้นบรรจุเองแบบ 87 ขนาด 7.62 ม.ม. เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 7(พ.ศ.2501) ฯลฯ ได้กำหนดเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในข้อ(16) คือ "เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืน ชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาต" กฎกระทรวงดังกล่าวข้อ (3) ค.กำหนดว่า "ปืนเล็กสั้นแบบ 83 ขนาด 6.5 ม.ม. และ 7.62 ม.ม."กระสุนปืนของกลางเป็นแบบ 87 ปืนในกฎกระทรวงข้อ (3) ค.เป็นแบบ 83ต่างแบบกัน. จะฟังว่ากระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87ขนาด7.62 ม.ม. ในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. ย่อมไม่ได้กระสุนปืนของกลางจึงไม่ใช่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการเข้าใจผิดลงโทษจำเลย ฐานมีกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกฎกระทรวงกำหนดกระสุนปืนใช้เฉพาะสงคราม: ความแตกต่างของแบบปืนและกระสุน
บรรยายฟ้องความว่า มีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง คือกระสุนปืนเล็กสั้นบรรจุเองแบบ 87 ขนาด 7.62 ม.ม. เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 7(พ.ศ.2501) ฯลฯ ได้กำหนดเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในข้อ(16) คือ "เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืน ชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาต" กฎกระทรวงดังกล่าวข้อ (3) ค. กำหนดว่า "ปืนเล็กสั้นแบบ 83 ขนาด 6.5 ม.ม. และ 7.62 ม.ม." กระสุนปืนของกลางเป็นแบบ 87 ปืนในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. เป็นแบบ 83ต่างแบบกัน. จะฟังว่ากระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87 ขนาด7.62 ม.ม. ในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. ย่อมไม่ได้กระสุนปืนของกลางจึงไม่ใช่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการเข้าใจผิด ลงโทษจำเลยฐานมีกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง สัญญาซื้อหุ้น และการรับผิดในหนี้สิน กรณีผู้กู้ตัวจริงไม่ใช่ผู้ลงนามในสัญญา
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินบริษัท บ. โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน คู่สัญญารู้อยู่ว่ามิได้มีการกู้และค้ำประกันตามนั้น ความจริงจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามสัญญาอันแสดงเจตนาลวงนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 สัญญากู้อันถูกอำพรางไว้นั้น จำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะจำเลยที่ 2 ทำไปในฐานะเป็นทายาทของกองมรดก ส.ซึ่งมีอำนาจจัดการกู้เงินเพื่อประโยชน์ของกองมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1745 ประกอบด้วยมาตรา 1358
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ความจริงจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส.ได้ตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนไปขอกู้เงินจากบริษัท บ.ซึ่งที่ประชุมของบริษัททราบดีว่ากองมรดกของ ส. เป็นผู้กู้แต่ให้ลงชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นนิติกรรมอำพรางจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าความจริงจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ มิใช่เป็นผู้ค้ำประกัน ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะกรณีเป็นเรื่องนิติกรรมอำพราง ซึ่งมาตรา 94 ไม่ตัดสิทธิจำเลยในอันที่จะนำสืบแสดงว่าสัญญาที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง มาตรา 94 ก็ห้ามแต่เฉพาะเรื่องการนำพยานบุคคลเข้ามาสืบแทนเอกสารเท่านั้นไม่ได้ห้ามในการนำสืบหักล้างพยานเอกสารด้วยเอกสารโดยมีการสืบพยานบุคคลประกอบข้อความและลายมือชื่อในเอกสารนั้น
จำเลยเพียงแต่กล่าวมาในคำแก้ฎีกาว่า ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับนั้น ไม่มีเหตุอันสมควรชอบที่โจทก์จะต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะร้องขอให้ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และจำเลยจะฎีกาในเรื่องดุลพินิจเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะไม่ได้ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็อาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้ในฐานะที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางและเจตนาลวงในสัญญากู้ยืมและค้ำประกัน การพิสูจน์เพื่อแสดงเจตนาที่แท้จริง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินบริษัท บ. โดยมีจำเลยที่ เป็นผู้ค้ำประกัน คู่สัญญากู้อยู่ว่ามิได้มีการกู้และค้ำประกันตามนั้น ความจริงจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดตามสัญญาอันแสดงเจตนาลวงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 สัญญากู้อันถูกอำพรางไว้นั้น จำเลยที่ 2ก็ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะจำเลยที่ 2 ทำไปในฐานะเป็นทายาทของกองมรดก ส. ซึ่งมีอำนาจจัดการกู้เงินเพื่อประโยชน์ของกองมรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1745 ประกอบด้วยมาตรา 1358
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ความจริงจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ได้ตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนไปขอกู้เงินจากบริษัท บ. ซึ่งที่ประชุมของบริษัททราบดีว่ากองมรดกของ ส. เป็นผู้กู้ แต่ให้ลงชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นนิติกรรมอำพราง จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าความจริงจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ มิใช่เป็นผู้ค้ำประกัน ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะกรณีเป็นเรื่องนิติกรรมอำพราง ซึ่งมาตรา 94 ไม่ตัดสิทธิจำเลยในอันที่จะนำสืบแสดงว่าสัญญาที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง มาตรา 94 ก็ห้ามแต่เฉพาะเรื่องการนำพยานบุคคลเข้ามาสืบแทนเอกสารเท่านั้นไม่ได้ห้ามในการนำสืบหักล้างพยานเอกสารด้วยเอกสาร โดยมีการสืบพยานบุคคลประกอบข้อความและลายมือชื่อในเอกสารนั้น
จำเลยเพียงแต่กล่าวมาในคำแก้ฎีกาว่า ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับนั้น ไม่มีเหตุอันสมควรชอบที่โจทก์จะต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะร้องขอให้ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และจำเลยจะฎีกาในเรื่องดุลพินิจเกี่ยวกับค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะไม่ได้ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็อาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้ในฐานะที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นที่สุด
of 40