พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำเลยที่ 1 ต้องห้ามตามมาตรา 218 เนื่องจากเป็นคดีข้อเท็จจริง ศาลฎีกายกคำร้อง
คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี เมื่อฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในส่วนจำเลยที่ 2-3
คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี เมื่อฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินของผู้ป่วยจิตเวช: เพิกถอนสัญญาเนื่องจากเสียเปรียบ
ส.เป็นผู้อนุบาลว.ผู้วิกลจริตส.ทำสัญญาจะขายที่ดินของว.แก่ร. ไว้แล้ว กลับมอบฉันทะให้ ศ. โอนขายที่ดินแก่ บ. โดย บ. รู้ว่ามีสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวอยู่แล้ว เป็นการทำให้ ร. เสียเปรียบ ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการซื้อขายระหว่าง ว.กับบ.ให้จดทะเบียนขายแก่ร. ตามสัญญาจะซื้อขาย ถ้าโอนขายไม่ได้ ว.ผู้เดียวต้องใช้ค่าเสียหายแก่ร.ส่วนส.ศ. และ บ. ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดในละเมิดของลูกจ้างที่กระทำในทางการที่จ้าง แม้ข้อเท็จจริงไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างก็ต้องร่วมรับผิด แม้จะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถนั้นก็ตามศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดได้ หานอกฟ้องนอกประเด็นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากการขับรถประมาทในทางการที่จ้าง แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าลูกจ้างเป็นผู้ขับ
โจทก์ - บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2ขับรถของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของโจทก์เสียหายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็น นายจ้างก็ต้องร่วมรับผิด แม้จะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถนั้นก็ตาม ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดได้ หานอกฟ้องนอกประเด็นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินเด็กต้องได้รับอนุญาตจากศาล มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ช. ตกลงแบ่งที่ดินอันเป็นมรดกของ ก.ให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และ ช.โดยโจทก์จำเลยที่1ที่2และช. ไปยื่นคำขอแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จนกระทั่งเจ้าพนักงานได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินออกเป็นส่วนสัด เป็นการระงับข้อพิพาทแห่งกองมรดกที่จะมีขึ้น จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่การที่จำเลยที่ 2 บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแทนจำเลยที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4) ย่อมตกเป็นโมฆะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และในกรณีนี้จำนวนทายาทหรือจำนวนทรัพย์มรดกที่จะได้รับส่วนแบ่งย่อมเป็นสิ่งเกี่ยวพันกันไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และ ช. ดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่อ้างข้อตกลงแบ่งมรดกดังกล่าวมาฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินเด็กต้องได้รับอนุญาตจากศาล หากไม่ได้รับอนุญาต สัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ช. ตกลงแบ่งที่ดินอันเป็นมรดกของ ก.ให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และช. โดยโจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 และช. ไปยื่นคำขอแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จนกระทั่งเจ้าพนักงานได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินออกเป็นส่วนสัด เป็นการระงับข้อพิพาทแห่งกองมรดกที่จะมีขึ้น จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่การที่จำเลยที่ 2 บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยที่ 3 ผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแทนจำเลยที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 (4) ย่อมตกเป็นโมฆะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และในกรณีนี้จำนวนทายาทหรือจำนวนทรัพย์มรดกที่จะได้รับส่วนแบ่งย่อมเป็นสิ่งเกี่ยวพันกันไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และช. ดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่อ้างข้อตกลงแบ่งมรดกดังกล่าวมาฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเพราะลูกหนี้รับสภาพหนี้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
อายุความสะดุดหยุดลงเพราะลูกหนี้รับสภาพหนี้ คดีไม่ขาดอายุความ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์ประวิงคดีและการจำหน่ายคดีเนื่องจากไม่วางเงินประกัน
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลฟังได้ในเบื้องต้นว่าประวิงให้ชักช้าศาลชั้นต้นสั่งให้วางเงินประกันค่าเสียหาย 3,000 บาท ผู้ร้องไม่วางเงินตามกำหนด ศาลจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุตัวผู้รับแจ้งความในฟ้องไม่จำเป็นหากจำเลยทราบได้เอง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2516 เวลากลางวัน จำเลยได้นำเอาความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ว่า โจทก์เมาสุราอาละวาดและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน เป็นการบรรยายฟ้องที่ได้ระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะไม่ได้ระบุชื่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นคนใด จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ย่อมทราบดีว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา พนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับแจ้งความของตนไว้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม