คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุมิตร ฟักทองพรรณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348-356/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนหลังศาลจำหน่ายคดี: ศาลไม่รับคำร้อง
ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินภายใน 30 วัน โจทก์และทนายผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ดังนี้ ต้องถือตามกำหนดนัดนั้น จะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้วผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปเช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348-356/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดนัดวางเงินชำระค่าสินไหมทดแทน ต้องเป็นไปตามคำสั่งศาล ไม่ใช่ตามบัญชีนัด หากพ้นกำหนดแล้ว คดีจำหน่าย ศาลไม่รับวางเงิน
ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินภายใน 30 วัน โจทก์และทนายผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ดังนี้ ต้องถือตามกำหนดนัดนั้น จะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้ว ผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไป เช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-328/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายหน้าขายที่ดิน: การได้รับค่าบำเหน็จเมื่อขายได้ตามที่ชี้ช่อง แม้ไม่ใช่ผู้ซื้อตามสัญญาเดิม
จำเลยตกลงขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลังตามที่โจทก์ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยติดต่อให้ มิได้ขายให้แก่ ค. ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับ ค. และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับบำเหน็จจาก ค. หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใดจะถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำการโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-328/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายหน้าขายที่ดิน: สิทธิได้รับค่าบำเหน็จเมื่อขายได้จริง แม้ไม่ใช่ผู้ซื้อตามสัญญาเดิม
จำเลยตกลงขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลังตามที่โจทก์ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยติดต่อให้ มิได้ขายให้แก่ ค. ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับ ค.และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับบำเหน็จจาก ค.หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใด จะถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำ การโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จากสินสมรสหลังบอกล้างสัญญาค้ำประกัน: ต้องแยกสินส่วนตัวก่อนยึด
เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นสามีได้บอกล้างสัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้เป็นภริยาทำไว้กับโจทก์แล้ว ย่อมมีผลทำให้สัญญาค้ำประกันนั้นในส่วนที่ผูกพันสินบริคณห์ตกเป็นโมฆะ แต่ยังสมบูรณ์อยู่เฉพาะในส่วนที่ผูกพันสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 โจทก์จะต้องบังคับชำระเอาจากสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 หากสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ไม่มี หรือมีไม่พอ และโจทก์ประสงค์จะบังคับชำระหนี้เอาจากส่วนของจำเลยที่ 2 ในสินบริคณห์ โจทก์ต้องร้องต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องเสียก่อน แล้วจึงนำยึดส่วนของจำเลยที่ 2 เพื่อชำระหนี้ โจทก์จะนำยึดสินบริคณห์ก่อนขอแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยที่ 2ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จากสินสมรสหลังบอกล้างสัญญาค้ำประกัน: ต้องแยกสินสมรsk่อนยึด
เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นสามีได้บอกล้างสัญญาค้ำประกันซึ่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นภริยาทำไว้กับโจทก์แล้ว ย่อมมีผลทำให้สัญญาค้ำประกันนั้นในส่วนที่ผูกพันสินบริคณห์ตกเป็นโมฆะ แต่ยังสมบูรณ์อยู่เฉพาะในส่วนที่ผูกพันสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 โจทก์จะต้องบังคับชำระเอาจากสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 หากสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2ไม่มีหรือมีไม่พอ และโจทก์ประสงค์จะบังคับชำระหนี้เอาจากส่วนของจำเลยที่ 2 ในสินบริคณห์ โจทก์ต้องร้องต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องเสียก่อนแล้วจึงนำยึดส่วนของจำเลยที่ 2 เพื่อชำระหนี้โจทก์จะนำยึดสินบริคณห์ก่อนขอแยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยที่ 2 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับรองโดยเจ้าหน้าที่: สันนิษฐานว่าเป็นหลักฐานแท้จริง
สำเนาทะเบียนบ้านซึ่งเจ้าหน้าที่รับรองว่ามารดาจำเลยคือเจ้ามรดก เอกสารนี้กฎหมายสันนิษฐานว่าแท้จริงและถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเช่าต่อสิ้นสุดเมื่อผู้ให้เช่าเสียชีวิต ไม่ผูกพันทายาท
เงินกินเปล่าที่ผู้เช่าชำระก่อนการเช่า ไม่ทำให้เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่จะต้องให้เช่าต่อจากที่การเช่าครบอายุ
คำมั่นของผู้ให้เช่าว่าจะให้เช่าต่อนั้น เมื่อผู้ให้เช่าตาย และผู้เช่าก็รู้แล้ว คำมั่นนั้นตกไปตามมาตรา 360 ไม่ผูกพันทายาทให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 569

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คลงวันที่ไม่สมบูรณ์, อายุความ และการเรียกเงินตามเช็ค
กู้เงินโดยออกเช็คให้แก่ผู้ให้กู้ เช็คนั้นมิได้ลงวันที่ ดังนี้ไม่ถือว่าได้ตกลงกันอยู่ในตัวว่าผู้กู้ผิดนัดลงเมื่อใด ผู้ให้กู้กรอกวันลงและนำเช็คไปขึ้นเงินได้ ผู้ให้กู้กรอกวันหลังจากออกเช็คกว่า 10 ปีธนาคารไม่จ่ายเงิน คดีขาดอายุความ 1 ปี ตาม มาตรา1002
คำฟ้องระบุข้อหาว่า ตั๋วเงิน กล่าวถึงกู้เงินโดยออกเช็คให้ไว้แล้วธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงิน ขอให้ใช้เงินกับดอกเบี้ยในต้นเงิน เป็นคำฟ้องเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายซากสัตว์เข้าเขตโรคระบาดที่มีใบอนุญาตแต่ขัดเงื่อนไข ศาลยกฟ้องเนื่องจากความผิดตามที่ฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำซากสัตว์เคลื่อนย้ายผ่านเข้ามาในเขตโรคระบาดสัตว์ และสงสัยว่ามีโรคระบาดสัตว์โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ มาตรา 17 และ 42 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเคลื่อนย้ายซากสัตว์ผ่านเข้ามาในเขตโรคระบาดและสงสัยว่ามีโรคระบาดสัตว์โดยมีหนังสืออนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วแต่ใบอนุญาตดังกล่าวอนุญาตให้เคลื่อนย้ายซากสัตว์เข้าในหรือผ่านได้เฉพาะเขตปลอดโรคระบาด ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงฝ่าฝืนเงื่อนไขในใบอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา 34 วรรค 2 และ 49 ไม่เป็นความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 3 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2499 มาตรา 13
of 48