คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุมิตร ฟักทองพรรณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายซากสัตว์เข้าเขตโรคระบาดที่มีใบอนุญาตแต่ขัดเงื่อนไข ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์มาตรา 34 มิใช่ความผิดตามมาตราที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำซากสัตว์เคลื่อนย้ายผ่านเข้ามาในเขตโรคระบาดสัตว์และสงสัยว่ามีโรคระบาดสัตว์โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ มาตรา 17 และ 42 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเคลื่อนย้ายซากสัตว์ผ่านเข้ามาในเขตโรคระบาดและสงสัยว่ามีโรคระบาดสัตว์โดยมีหนังสืออนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ใบอนุญาตดังกล่าวอนุญาตให้เคลื่อนย้ายซากสัตว์เข้าในหรือผ่านได้เฉพาะเขตปลอดโรคระบาด ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงฝ่าฝืนเงื่อนไขในใบอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา 34 วรรค 2 และ 49 ไม่เป็นความผิดตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 3 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2499 มาตรา 13

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษี: การประเมินภาษีถูกต้องและโจทก์ไม่เคยอุทธรณ์ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเรียกเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรซึ่งจำเลยมีสิทธิประเมินได้ มิใช่ไม่มีมูลจะอ้างได้ตามกฎหมายโจทก์อ้างว่าจำต้องเสียเงินเพราะจำเลยไม่ยอมปล่อยของจากศุลกากรไม่ได้ โจทก์ไม่อุทธรณ์การประเมินก่อนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะไม่ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องในคดีอาญา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ผู้ตายมอบสิทธิให้ทายาทได้ ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
การถอนคำร้องทุกข์เป็นสิทธิซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 126 วรรค 1 บัญญัติให้ไว้แก่ผู้ร้องทุกข์ที่จะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ และสิทธิถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินเมื่อผู้ร้องทุกข์ตายย่อมตก ทอดแก่ทายาท ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องทุกข์ในคดีดังกล่าวตาย มารดาผู้ร้องทุกข์ซึ่งเป็นทายาทจึงมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์นั้นได้แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 206/2488)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ซึ่งมาตรา 361 บัญญัติว่าเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) คำพิพากษาของศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งในจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตกทอดแก่ทายาท ทำให้คดีระงับ
การถอนคำร้องทุกข์เป็นสิทธิซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 126 วรรค 1 บัญญัติให้ไว้แก่ผู้ร้องทุกข์ที่จะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ และสิทธิถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินเมื่อผู้ร้องทุกข์ตายย่อมตกทอดแก่ทายาท ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องทุกข์ในคดีดังกล่าวตาย มารดาผู้ร้องทุกข์ซึ่งเป็นทายาทจึงมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์นั้นได้ แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 206/2488)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358ซึ่งมาตรา 361 บัญญัติว่าเป็นความผิดอันยอมความได้เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาของศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์: ข้อยกเว้นค่าขาดประโยชน์ vs. ความรับผิดสัญญาซ่อมแซมชำรุด
โจทก์ได้ประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุถูกชนเสียหายมากชำรุดใช้การไม่ได้ ปัญหาที่ว่าจำเลยจะต้องชดใช้ค่าที่โจทก์ขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถระหว่างรถเข้าอู่ซ่อมเพียงไรหรือไม่นั้น เมื่อปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ท้ายฟ้องตรงกับคู่ฉบับกรมธรรม์ที่จำเลยอ้างระบุข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยไว้ว่าไม่ต้องผูกพันรับผิดต่อสิทธิเรียกร้องใดๆอันเกี่ยวกับการขาดประโยชน์ ผลจึงเท่ากับโจทก์ผู้เอาประกันภัยยอมรับตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ สละสิทธิเรียกร้องในเหตุดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในค่าขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถของโจทก์ได้ และปัญหาข้อนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยจากการสืบพยานจำเลยเพราะอาจวินิจฉัยได้ตามความในเอกสารกรมธรรม์อยู่แล้ว
ตามกรมธรรม์ระบุไว้ว่า ในกรณียานยนต์เสียหาย จำเลยผูกพันรับผิดเพียงที่จะต้องซ่อมให้ ณ โรงซ่อมที่จำเลยเห็นสมควรจนอยู่ในสภาพใช้การได้ จำเลยได้จัดสรรอู่ซ่อมรถให้โจทก์แล้วตามใบสั่งซ่อมมีหมายเหตุว่า ใบสั่งซ่อมนี้กำหนดใช้ภายใน 60 วันนับแต่วันสั่งซ่อม จำเลยจึงมีหน้าที่เร่งรัดให้ซ่อมรถโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 60 วันตามที่หมายเหตุไว้ เมื่อจำเลยเพิกเฉยเสียปล่อยให้อู่ทำการซ่อมชักช้า และไม่จัดการเลิกจ้างแล้วเปลี่ยนอู่ซ่อมให้ใหม่ทำให้โจทก์ต้องเสียประโยชน์ ต้องถือว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาแล้ว ชอบที่โจทก์จะนำรถไปให้อู่แห่งอื่นซ่อมแล้วเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าซ่อมให้ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะป้องกันสิทธิของตน แต่โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าขาดประโยชน์หาได้ไม่เพราะเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่อาจบังคับเอาแก่จำเลยได้ตามกรมธรรม์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์: ข้อยกเว้นค่าขาดประโยชน์ vs. หน้าที่เร่งรัดซ่อมแซม & การประพฤติผิดสัญญา
โจทก์ได้ประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุถูกชนเสียหายมากชำรุดใช้การไม่ได้ ปัญหาที่ว่าจำเลยจะต้องชดใช้ค่าที่โจทก์ขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถระหว่างรถเข้าอู่ซ่อมเพียงไรหรือไม่นั้น เมื่อปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ท้ายฟ้องตรงกับคู่ฉบับกรมธรรม์ที่จำเลยอ้างระบุข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยไว้ว่าไม่ต้องผูกพันรับผิดต่อสิทธิเรียกร้องใดๆอันเกี่ยวกับการขาดประโยชน์ ผลจึงเท่ากับโจทก์ผู้เอาประกันภัยยอมรับตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ สละสิทธิเรียกร้องในเหตุดังกล่าวแล้วโจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในค่าขาดประโยชน์ในการให้เช่ารถของโจทก์ได้ และปัญหาข้อนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยจากการสืบพยานจำเลยเพราะอาจวินิจฉัยได้ตามความในเอกสารกรมธรรม์อยู่แล้ว
ตามกรมธรรม์ระบุไว้ว่า ในกรณียานยนต์เสียหาย จำเลยผูกพันรับผิดเพียงที่จะต้องซ่อมให้ ณ โรงซ่อมที่จำเลยเห็นสมควรจนอยู่ในสภาพใช้การได้ จำเลยได้จัดสรรอู่ซ่อมรถให้โจทก์แล้วตามใบสั่งซ่อมมีหมายเหตุว่า ใบสั่งซ่อมนี้กำหนดใช้ภายใน 60 วันนับแต่วันสั่งซ่อม จำเลยจึงมีหน้าที่เร่งรัดให้ซ่อมรถโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 60 วันตามที่หมายเหตุไว้ เมื่อจำเลยเพิกเฉยเสียปล่อยให้อู่ทำการซ่อมชักช้า และไม่จัดการเลิกจ้างแล้วเปลี่ยนอู่ซ่อมให้ใหม่ทำให้โจทก์ต้องเสียประโยชน์ต้องถือว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาแล้ว ชอบที่โจทก์จะนำรถไปให้อู่แห่งอื่นซ่อมแล้วเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าซ่อมให้เพราะเงื่อนไขดังกล่าวไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะป้องกันสิทธิของตน แต่โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าขาดประโยชน์หาได้ไม่เพราะเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่อาจบังคับเอาแก่จำเลยได้ตามกรมธรรม์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองที่ดินสาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ตามสภาพ ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะ แต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้างก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้นๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพ ปกติของที่ดิน โดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใด การเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองที่สาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ทำนา ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้าง ก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้น ๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพปกติของที่ดินโดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใดการเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษเบากว่าโทษกักขัง ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาได้โดยไม่เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับจำเลยแต่โทษจำคุกให้เปลี่ยนเป็นโทษกักขังแทน การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังและให้รอการลงโทษจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56นั้นไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 เพราะการรอการลงโทษยังไม่ต้องรับโทษจึงเบากว่าโทษกักขัง
(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษเบากว่าโทษกักขัง ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับจำเลย แต่โทษจำคุกให้เปลี่ยนเป็นโทษกักขังแทน การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังและให้รอการลงโทษจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 เพราะการรอการลงโทษยังไม่ต้องรับโทษจึงเบากว่าโทษกักขัง
(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2517)
of 48