คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุมิตร ฟักทองพรรณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนายแก้ต่างคดีอัตราโทษสูง แม้แถลงหาเอง ศาลต้องตั้งทนายให้หากหาไม่ได้
ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนั้นแม้ในวันสอบถามคำให้การจำเลยได้แถลงว่าจะหาทนายเองแต่เมื่อถึงวันสืบพยานโจทก์จำเลยหาทนายไม่ได้ แถลงขอให้ศาลหาทนายให้และขอเลื่อนการพิจารณาไปศาลก็ชอบที่จะตั้งทนายให้จำเลยและสั่งเลื่อนการพิจารณาไปก่อนการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีแล้วสืบพยานโจทก์จำเลยไปจนเสร็จสิ้น โดยจำเลยไม่มีทนายแก้ต่างนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำคุกก่อนประกาศคณะปฏิวัติ: ใช้กฎหมายเดิม
จำเลยทำผิดก่อนประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่21 พฤศจิกายน 2514 การลดโทษประหารชีวิตตาม มาตรา 52 เดิมลดลงเป็นจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 16 ปี ถึง 20 ปี เป็นคุณยิ่งกว่าประกาศคณะปฏิวัติ ข้อ 1 ซึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ศาลต้องใช้ มาตรา 52 เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีอาญาอัตราโทษต่ำกว่า 3 ปี และความสมบูรณ์ของฟ้องในความผิดเบิกความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีไม่มีมูล ดังนี้ โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
ฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานเบิกความเท็จมิได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความว่าอย่างไร ที่โจทก์ถือว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดี ส่วนในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จก็มิได้บรรยายว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาฐานปลอมแปลงเอกสาร เบิกความเท็จ และนำสืบหลักฐานเท็จ: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ และความสมบูรณ์ของฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีไม่มีมูล ดังนี้ โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
ฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานเบิกความเท็จมิได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความว่าอย่างไร ที่โจทก์ถือว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดี ส่วนในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จก็มิได้บรรยายว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาตัวเด็กเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ แม้ยังไม่ได้เรียกหรือได้ค่าไถ่
ความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่หรือได้มีการเรียกค่าไถ่ เพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มา ซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาตัวเด็กเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ แม้ยังไม่ได้เรียกหรือได้ค่าไถ่
ความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่หรือได้มีการเรียกค่าไถ่ เพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคดี และการขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โดยหักค่าซากรถออกจากความเสียหายทั้งหมด โจทก์ไม่ต้องคืนซากรถแก่จำเลย
เอกสารราชการในคดีคือสำเนารายงานเบ็ดเสร็จประจำวันกับสำเนารายงานการสอบสวน โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลย สำเนาใบมอบอำนาจติดมากับฟ้องแล้ว โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลในวันพิจารณาได้โดยไม่ต้องส่งสำเนาแก่จำเลยอีก โจทก์เสียค่าอ้างเอกสารเมื่อศาลพิพากษาแล้วก็ได้ชื่อว่าเสียค่าธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 แล้ว
ภาพถ่ายรถยนต์ที่ชนกันเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสาร ไม่ต้องส่งสำเนาก่อนวันสืบพยาน
ศาลฟังข้อเท็จจริงจากเอกสารและภาพถ่ายแสดงที่เกิดเหตุสภาพรถ ตัวหนังสือข้างรถได้โดยไม่ต้องมีประจักษ์พยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การเมื่อเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว เป็นการล่วงเลยเวลาตาม มาตรา 199

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญญาประกันภัยและการสืบพยานบุคคลเมื่อไม่มีเอกสารต้นฉบับ
โจทก์อ้างกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งจำเลยร่วมผู้รับเป็นผู้ประกันภัย จำเลยร่วมปฏิเสธว่าไม่ได้รับประกันภัย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถแสดงต้นฉบับต่อศาลได้ ศาลอนุญาตให้โจทก์สืบพยานบุคคลได้ไม่ใช่กรณีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องขับไล่: สิทธิครอบครองเดิมยังคงอยู่หากจำเลยเพิ่งเปลี่ยนลักษณะการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ที่พิพาทโดยการครอบครองทำประโยชน์มาประมาณ 30 ปี แผนที่ท้ายฟ้องโจทก์ได้ระบุอาณาเขตของที่ดินโจทก์ว่าอยู่ติดกับที่ดินของใครไว้โดยรอบของที่ดินแล้ว จำเลยก็ให้การว่าซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ มิได้หลงต่อสู้หรือไม่เข้าใจฟ้องอย่างใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์จำเลยเพิ่งคัดค้านมิให้บุตรโจทก์ปลูกเรือนในที่พิพาท อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเอาที่พิพาทเป็นของตนยังไม่ถึง 1 ปี โจทก์ฟ้องเพื่อเอาคืนการครอบครองได้ไม่ขาดสิทธิฟ้องร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องขับไล่: การเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครองและการมีสิทธิฟ้องร้องภายใน 1 ปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้ที่พิพาทโดยการครอบครองทำประโยชน์มาประมาณ 30 ปี แผนที่ท้ายฟ้องโจทก์ได้ระบุอาณาเขตของที่ดินโจทก์ว่าอยู่ติดกับที่ดินของใครไว้โดยรอบของที่ดินแล้ว จำเลยก็ให้การว่าซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ มิได้หลงต่อสู้หรือไม่เข้าใจฟ้องอย่างใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ จำเลยเพิ่งคัดค้านมิให้บุตรโจทก์ปลูกเรือนในที่พิพาท อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเอาที่พิพาทเป็นของตนยังไม่ถึง 1 ปี โจทก์ฟ้องเพื่อเอาคืนการครอบครองได้ไม่ขาดสิทธิฟ้องร้อง
of 48